นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันสิทธิการรักษาพยาบาลในระบบประกันสังคม “กรณีเจ็บป่วย” ได้รับความคุ้มครองด้วยการรักษาพยาบาลที่ครอบคลุมทุกโรค โดยผู้ประกันตนสามารถเข้าถึงสถานพยาบาลของรัฐและเอกชน กว่า 267 แห่ง และผู้ประกันตนยังสามารถเข้ารับบริการได้ใน
โรงพยาบาลทุกขนาดตั้งแต่ปฐมภูมิถึงตติยภูมิที่อยู่ภายใต้การลงนามความร่วมมือ โดยสำนักงานประกันสังคม ได้พัฒนาสิทธิประโยชน์อย่างต่อเนื่อง เช่น การลดความเสี่ยงโรค NCDs หรือโรคเรื้อรัง ผ่านโครงการดูแลสุขภาพเชิงรุกฯ ได้เพิ่มรายการตรวจสุขภาพให้มากขึ้น สอดคล้องกับอายุและความจำเป็นในการตรวจ โดยผู้ประกันตนที่อายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ได้รับการตรวจน้ำตาล ไขมันในเลือด ตรวจการทำงานของไต ตรวจปัสสาวะ รวมถึงการตรวจ X-ray ตามเกณฑ์ที่กำหนด “ทุกปี” ซึ่งเป็นการตรวจเสริมจากการตรวจสุขภาพพื้นฐาน
ส่วนทันตกรรม สามารถเข้าถึงการรักษาสุขภาพฟันในสถานพยาบาลหรือคลินิกทั้งรัฐ เอกชน ได้ทั้งในและนอกเวลาราชการ โดยไม่ต้องนัดล่วงหน้า และปี 67 นี้ สปส.ยังเพิ่มโครงการรถทันตกรรมเคลื่อนที่ ขณะที่กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ สามารถเข้ารับการรักษาฟรี 72 ชั่วโมง ทั้งในสถานพยาบาลรัฐและเอกชน โดยผู้ประกันตนไม่ต้องสำรองจ่าย นอกจากนี้ยังได้มอบสิทธิประโยชน์การรักษาพยาบาลอื่น เช่น 1.การปลูกถ่ายไขกระดูก สำหรับการรักษามะเร็งโรคเลือด 8 ชนิด ซึ่งมีค่าใช้จ่ายถึงรายละ 1.3 ล้านบาท “ฟรี” 2.การรักษาด้วยการผ่าตัดหรือหัตถการใน 5 กลุ่มโรค คือ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคนิ่วในไตหรือถุงน้ำดี โรคมะเร็งเต้านม และก้อนเนื้อที่มดลูก 3.เพิ่มการเข้าถึงการรักษาโรคหยุดหายใจขณะหลับ โดยจ่ายค่าอุปกรณ์เครื่องอัดอากาศขณะหายใจเข้า และค่าตรวจการนอนหลับ (Sleep test)