ฟังมุม ชาล็อต เปิดใจกับโหนกระแส แจงละเอียดยิบปมตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพหลอกโอนเงินจนสูญ 4 ล้าน ย้ำไม่ได้โง่ แต่แค่รู้ไม่เท่าทันก๊วนมิจฉาชีพ ทั้งขู่ทั้งหลอก ส่งหมายจับปลอมมาขู่ วิดีโอคอลนาน 24 ชม. แถมตอนเอาชื่อบุคคลที่ถูกแอบอ้างไปค้นในอินเตอร์เนทก็เจอว่ามีข่าวจริงจึงหลงเชื่อสนิทใจ ยันที่โอนไปเพราะต้องการยืนยันความบริสุทธิ์
ชาล็อต ออสติน รองชนะเลิศอันดับ 5 Miss Grand Thailand 2022 ให้สัมภาษณ์กับหนุ่ม กรรชัย ในรายการโหนกระแส เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา โดยเป็นการออกมาเล่ารายละเอียดถึงกรณีที่เธอเองถูกกลุ่มมิจฉาชีพปลอมเป็นตำรวจอ้างว่านางงามสาวพัวพัวคดีฟอกเงิน โดยถูกหลอกลวงใช้กลอุบายให้วิดีโอคอล ถ้าไม่ทำตามกระบวนการจะออกหมายจับตอน 1 ทุ่ม จากนั้นจะฝากขัง ทำให้สุดท้ายเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินไปให้จนเบ็ดเสร็จสูญเงินไปทั้งสิ้นกว่า 4 ล้านบาท
ล่าสุด ชาล็อตย้อนเล่าวันที่ตกเป็นเหยื่ออีกครั้ง โดยระบุโอนเงินจำนวน 2 ล้านบาท เป็นก้อนแรกให้กับมิจฉาชีพ จากนั้นโอนอีก 5 แสนบาทในวันถัดมา และที่เหลืออีกจำนวน 1.5 ล้านฯ จนมีรวมยอดกว่า 4 ล้านฯ หลังจากรับโทรศัพท์แล้วปลายสายที่เป็นคนร้ายออกอุบายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการแจ้งชื่อแต่เหยื่อสาวจำชื่อไม่ได้ แต่ระบุรายละเอียดทั้งเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ชื่อจริง-นามสกุลจริง กระทั่งใช้กลอุบายว่าบัญชีของเหยื่อถูกซื้อไป “ฟอกเงิน” ต้องทำการตรวจสอบ ถ้าไม่ทำตามกระบวนการ จะออกหมายจับตอน 1 ทุ่ม จากนั้นจะฝากขัง กว่าจะได้ปล่อยตัวต้องรอจนตรวจสอบทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว โดยขู่ว่าอาจต้องอยู่ในห้องขังนาน 3-6 เดือน
ด้วยเหตุนี้เหยื่อดีกรีนางงามจึงเข้าใจว่าเป็นตำรวจจริง ๆ ประกอบกับเมื่อลองนำข้อมูลของชื่อศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ อดีตผู้จัดการแบงค์ที่มิจฉีพใช้แอบอ้าง ปรากฎมีชื่ออยู่ในคดีพัวพันเรื่องฟอกเงินอยู่จริงๆ ที่มีการซื้อบัญชีไปฟอกเงินกับ 48 ราย
ส่วนขั้นตอนหลังจากที่หลงเชื่อว่าเป็นตำรวจจริง ชาล็อตอธิบายต่อว่าเธอถูกโอนสายไปให้เจ้าหน้าที่และมีการแอดไลน์กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตอนนั้นเหยื่อไม่ทราบว่าเป็นแอคเคาต์ปลอมเพราะหลงเชื่อจากเอกสารที่เป็นหมายจับปลอม รวมถึงยังมีเอกสารจากทางธนาคารอีกฉบับซึ่งก็ถูกปลอมแลปงขึ้นมาเช่นกัน แต่ดูคล้ายเอกสารของรัฐบาลมาก ๆ จึงติดกับกดแอดไลน์เข้าไป ทำให้ต่อมาโทรศัพท์จึงถูกตัดสัญญาณไม่สามารถโทรเข้า-โทรออกได้ ส่วนก่อนจะโอนเงินไปให้นั้นคนร้ายแจ้งมาว่า 15-30 นาที ถ้าได้รับเงินจะคืนให้ทันทีจึงโอนไปให้ตรวจสอบ
“ช่วงประมาณเที่ยงคืนหลังจากที่หนูก็รอเขาสรุปว่าอะไรเป็นมายังไง หนูก็โทรหาให้น้องเลขาฯ มาอยู่เป็นเพื่อน เพราะหนูแพนิคก็ขึ้น ตอนนั้นก็อยู่ในสาย รบกวนห้ามปิดกล้อง ห้ามปิดไมค์นะครับ คือ ห้ามเงียบเลย จึงให้น้องแอบอยู่กับหนู กินยาหลับไปตอนตี 2 น้องปลุกประมาณตี 2-3 น้องนั่งไล่ ๆ จนมาเห็น พอปลุกเสร็จก็ใช่แน่ ๆ สติไม่มีแล้ว ทำอะไรไม่ถูกให้น้องเป็นคนจัดการโทรหาตำรวจโทรอายัดอะไรทุกอย่างเลย ส่วนพี่ณวัฒน์ (อิสรไกรศีล) อยู่ฟิลิปปินส์ ยังไม่ทราบเรื่อง”
หลังจากจับได้ว่าโดนหลอกแน่แล้ว นางงามที่ตกเป็นเหยื่อระบุเดินทางไป สน.สุทธิสาร ตอนตี 3 ครึ่ง ของวันที่ 8 ธ.ค. โดยตอนนั้นก็ยังไม่ได้วางสายจากมิจฉาชีพซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดยอมรับว่ารู้สึกเสียใจมากที่ตกเป็นเหยื่อของโจรแสบ
อย่างไรก็ดี ในส่วนของความคืบหน้าทางคดี พล.ต.ต. ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ระบุตอนนี้หลังจากสน.สุทธิสาร รับเรื่องไว้ตั้งแต่คืนวันที่ 8 ธ.ค. คดีถูกโอนจากนครบาลมาที่ บก.สอท.1 เรียบร้อยแล้ว จากนี้ต้องตามตัวบัญชีม้าที่เกี่วข้องเพื่อสาวไปยังต้นตอใหญ่ในลำดับถัดๆ ไป
บก.สอท.1. ย้ำว่าตอนนี้จัดทีมพิเศษบูรณาการเฉพาะทางทั้งไล่เส้นเงินและเจาะเรื่องนี้อย่างละเอียดทุกมิติ เชื่อคงมีข่าวดีเร็ว ๆนี้ รวมถึงเคสอื่นๆ ที่โดนในลักษณะเดียวกัน
ทั้งนี้ ในรายการยังเปิดตัวเลขของเหยื่อที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายจากภัยไซเบอร์ เคสทั้งหมดตั้งแต่ 1 มี.ค.65 – 31 ต.ค.67 ประชาชนเสียหายไปแล้ว 708,141 เคสไอดี ก่อนจะย้ำว่าเวลาเจอคดีแบบนี้ให้โทรสายด่วน 1441 โดยกระทรวงดีอีเป็นแม่งานร่วมกัตำรวจไซเบอร์ 100 ชีวิต ช่วยกันตรวจสอบ.