เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 68 เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. ร่วมกันสืบสวนขยายผลติดตามจับกุมตัว “นายตั้ม สถาปนิก” ผู้ต้องหาอายุ 39 ปี ชาว อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 หมายจับ ดังนี้
1.หมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.1741/2567 ลงวันที่ 27 ธ.ค. 67 ข้อหา “กรรโชกทรัพย์”
2.หมายจับศาลจังหวัดบุรีรัมย์ที่ จ.309/2565 ลงวันที่ 7 ต.ค. 65 ข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์ของผู้อื่น”
พบประวัติก่อเหตุมานับไม่ถ้วน พฤติการณ์คือ
1. วันที่ 2 ก.ย. 65 ก่อเหตุ ฉ้อโกงทรัพย์ นักเรียน โดยคนร้ายทำทีมาขอยืมโทรศัพท์จากนักศึกษาหญิง อ้างว่าแฟนสาวพาลูกขับรถหนีไป แต่เมื่อนักศึกษาให้ยืมโทรศัพท์ อ้างไม่สามารถติดต่อใครได้ จากนั้นอ้างต่อว่ารถน้ำมันหมดได้เงินจากนักศึกษาไปจำนวน 400 บาท เหตุเกิดพื้นที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์
2.วันที่ 3 พ.ย. 65 ก่อเหตุ ไถเงินนักเรียน โดยผู้เสียหายแจ้งเบาะแสทางโลกโซเชียล ว่าเกือบถูกคนร้ายรายนี้หลอกเอาเงิน โดยคนร้ายมาทำทีขอยืมโทรศัพท์โทรหาญาติที่ จ.บุรีรัมย์ แล้วโทรติดต่อ 3 เบอร์ ก็ไม่สามารถติดต่อใครได้ ก่อนจะไถเงินค่ารถไฟกลับบ้านจำนวน 300 บาท เหตุเกิดที่ รพ.ชื่อดัง อ.เมือง จ.นครราชสีมา
3.วันที่ 9 เม.ย. 66 ก่อเหตุ ไถเงินนักเรียน โดยคนร้ายได้แฝงตัวเข้าไปในโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.นครราชสีมา จากนั้นได้เข้าไปพูดคุยกับนักศึกษาหญิง แล้วโทรติดต่อ 3 เบอร์ ก็ไม่สามารถติดต่อใครได้ เหตุเกิดพื้นที่ รพ.ชื่อดัง ใน อ.เมือง จ.นครราชสีมา
4.วันที่ 29 ธ.ค. 66 ก่อเหตุ ไถเงินนักเรียน โดยการแฝงตัวเข้าไปในมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ จากนั้นได้เข้าไปพูดคุยกับนักศึกษาหญิง โดยอ้างว่าเป็นสถาปนิก จากนั้นได้เปิดผ้าพันแผลอ้างว่าประสบอุบัติเหตุรถล้ม ขอยืมโทรศัพท์ติดต่อญาติ เหตุเกิดพื้นที่ สภ.ภูพิงค์ จ.เชียงใหม่
5.วันที่ 22 พ.ค. 67 ก่อเหตุ ไถเงินนักเรียน โดยผู้เสียหายแจ้งเบาะแสทางโลกโซเชียล ว่าคนร้ายตระเวนก่อเหตุอยู่ละแวกบางซื่อ จ.กรุงเทพ
6.วันที่ 24 ก.ค. 67 ก่อเหตุ ไถเงินชาวบ้าน โดยผู้เสียหายแจ้งเบาะแสทางโลกโซเชียล ว่าคนร้ายทำทีเข้ามาถามทางไป บขส. โดยอ้างว่าประสบอุบัติเหตุรถล้มแล้วพึ่งออกจากโรงพยาบาล เหตุเกิดที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช
7.วันที่ 29 ก.ค. 67 ก่อเหตุ ไถเงินชาวบ้านโดยผู้เสียหายแจ้งเบาะแสทางโลกโซเชียล ว่าได้เจอคนร้ายรายนี้มาไถเงิน เหตุเกิดใน จ.สุราษฎร์ธานี
8.วันที่ 6 พ.ย. 67 ก่อเหตุ ไถเงินนักเรียน โดยผู้เสียหายแจ้งเบาะแสทางโลกโซเชียล ว่าถูกคนร้ายก่อเหตุที่ โลตัส อ่อนนุช จ.กรุงเทพ
9.วันที่ 7 พ.ย. 67 ก่อเหตุ ไถเงินนักศึกษา ระหว่างที่ผู้เสียหายเดินอยู่บริเวรร้านเกมส์คนร้ายได้เข้ามาทำทีน่าสงสาร ก่อนหลอกลวงว่าตนเองเป็นสถาปนิก ช่วยออกแบบสตาร์บัค บ้านอยู่บุรีรัมย์ ประสบอุบัติเหตุรถล้มแล้วพึ่งออกจากโรงพยาบาล ขอยืมโทรศัพท์ติดต่อญาติแล้วโทรติดต่อ 3 เบอร์ ก็ไม่สามารถติดต่อใครได้ จากนั้นได้ขอเงินกึ่งบังคับ ได้เงินจากผู้เสียหายไป 10,000 บาท เหตุเกิดที่ อ.เมือง ลพบุรี
10.วันที่ 16 พ.ย. 67 ก่อเหตุ ไถเงินนักเรียน โดยผู้เสียหายแจ้งเบาะแสทางโลกโซเชียล ว่าได้เจอคนร้ายที่ละแวก ม.รังสิต ทำทีเข้ามาขอความช่วยเหลือ อ้างว่าตนเองเป็นสถาปนิก ช่วยออกแบบสตาร์บัค บ้านอยู่บุรีรัมย์ ประสบอุบัติเหตุรถล้มแล้วพึ่งออกจากโรงพยาบาล ขอยืมโทรศัพท์ติดต่อญาติแล้วโทรติดต่อ 3 เบอร์ ก็ไม่สามารถติดต่อใครได้ จากนั้นได้ขอเงินกึ่งบังคับ ได้เงินจากผู้เสียหายไป 200 บาท เหตุเกิดที่ ม.รังสิต จ.ปทุมธานี
11.วันที่ 29 พ.ย. 67 ก่อเหตุ ไถเงินนักเรียน โดยผู้เสียหายปั่นจักรยานกลับบ้านหลังเล่นบาส ผู้ต้องหาได้เข้ามาทำท่าทีน่าสงสาร และเข้ามาขอเงินเพื่อจะเดินทางกลับบ้าน เพราะรักษาพยาบาลหมดไม่เหลือเงิน ด้วยท่าทางน่ากลัว แล้วคิดว่าไม่ปลอดภัย จึงได้ให้เงินไปจำนวน 2,500 บาท เพื่อจะได้ไม่เกิดอันตราย เหตุเกิดที่ จ.เพชรบุรี
12.วันที่ 23 ธ.ค. 67 เวลา 08.00 น. ก่อเหตุ “กรรโชกทรัพย์” ไถเงินนักเรียน โดยการแฝงตัวเข้าไปในมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านลาดกระบังจ.กรุงเทพ จากนั้นคนร้ายได้เดินเข้าไปหานักเรียนชายอายุ 16 ปี ทำทีชวนคุยก่อน “ขอเงินกลับบ้าน” โดยคนร้ายใช้มือล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายตลอดเวลาทำให้นักเรียนกลัวว่าคนร้ายจะมีอาวุธ จึงยอมมอบเงินให้กับคนร้ายจำนวน 1,000 บาท เหตุเกิดพื้นที่ สน.จรเข้น้อย
13.วันที่ 23 ธ.ค. 67 เวลา 20.30 น. ก่อเหตุ “กรรโชกทรัพย์” ไถเงินนักเรียน โดยการแฝงตัวเข้าไปในมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านลาดกระบัง จ.กรุงเทพ จากนั้นคนร้ายได้เข้าไปหานักศึกษาชาย ทำทีชวนคุยก่อน “ขอเงินไป บขส.” โดยคนร้ายใช้มือล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายตลอดเวลาทำให้นักเรียนกลัวว่าคนร้ายจะมีอาวุธ จึงยอมมอบเงินให้กับคนร้าย เหตุเกิดพื้นที่ สน.จรเข้น้อย
14.วันที่ 26 ธ.ค. 67 ก่อเหตุ ไถเงินนักเรียน โดยขณะที่กำลังนั่งรถไฟ ได้เข้าไปพูดคุยกับนักเรียนชาย จากนั้นได้ทำทีขอโทรศัพท์ ติดต่อ 3 เบอร์ ก็ไม่สามารถติดต่อใครได้ จากนั้นได้ขอเงินกึ่งบังคับทำให้ได้เงินจากนักเรียนชายไปจำนวน 200 บาท เหตุเกิดระหว่างเดินทางบนรถไฟ
15.วันที่ 29 ธ.ค. 67 ก่อเหตุ ไถเงินครูสาว โดยระหว่างที่ผู้เสียหายลงจากรถไฟ คนร้ายได้เข้ามาพูดคุยทำทีน่าสงสาร อ้างว่าประสบอุบัติเหตุรถล้ม ไม่สามารถติดต่อญาติได้ ผู้เสียหายเป็นคนใจบุญจึงให้เงินไป 1,000 บาท แต่ผู้เสียหายขอเพิ่มเป็น 2,000 บาท เหตุเกิดที่ สถานีรถไฟ จ.ปราจีนบุรี
16.วันที่ 2 ม.ค. 67 (วันนี้ที่จับกุม) ก่อเหตุ ไถเงินนักเรียน ขณะที่ผู้เสียหายจอดรถติดไฟแดงบริเวณถนนพญาไท ใกล้ๆกับสืบนครบาล คนร้ายได้เดินมาทำทีน่าสงสารชวนพูดคุย อ้างว่าประสบอุบัติเหตุรถล้มพึ่งออกจากโรงพยาบาล ติดต่อญาติที่ จ.บุรีรัมย์ ไม่ได้ ขอยืมโทรศัพท์ผู้เสียหายติดต่อญาติแต่ก็ไม่สามารถติดต่อใครได้ จากนั้นได้ขอเงินกึ่งบังคับจากผู้เสียหายไปจำนวน 800 บาท เหตุเกิดท้องที่ สน.พญาไท
จับกุมตัวได้ที่ ถ.พหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร จ.กรุงเทพ
ผู้ต้องหา ยืนยันว่าตนไม่ใช่ขอทาน ไม่ใช่คนบ้า แต่ใช้วิธีขอเงินกึ่งบังคับจากเหยื่อ โดยจะขอในจำนวนไม่มาก หลักร้อยถึงพันบาท จนเหยื่อหลายคนให้เงิน โดยล่าสุดไปแฝงตัวเข้าไปตระเวนก่อเหตุในมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านลาดกระบัง มีการพัฒนารูปแบบการก่อเหตุด้วยการทำทีนำมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าตลอดเวลา เพื่อให้เหยื่อกลัวว่าเป็นอาวุธ จนมีเหยื่อนักเรียนโดนกันไปติดๆ 3 ราย ก่อเหตุลักษณะนี้มาตั้งแต่ห้วงปี 2565 ถึงปัจจุบัน
ชุดสืบสวนได้เบาะแสจากเด็กนักเรียนรายหนึ่งซึ่งถูกคนร้ายไถเงินไป 200 บาท ขณะที่นั่งรถไฟเดินทางไปในพื้นที่ภาคตะวันออก พล.ต.ต.ธีรเดช ส่งชุด “สารวัตรแจ๊ะ” แกะรอยคนร้ายอยู่ 5 วัน พบคนร้ายกลับเข้ามาในพื้นที่ จ.กรุงเทพ และหายไปในมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านรามคำแหง ชุดสืบสวนแฝงตัวเป็นนักศึกษาตระเวนหาคนร้าย
ล่าสุดสืบทราบว่าคนร้ายมาเยือนถึงถิ่นสืบนครบาล มาไถเงินเหยื่ออีก 1 ราย บริเวณถนนหน้า บก.สส.บช.น. ชุดสืบสวนติดตามไปพบชายต้องสงสัยนอนอยู่ริมข้างทางใกล้กับสวนจตุจักร แต่ด้วยสภาพคนร้ายไม่เหมือนในภาพที่ชุดสืบสวนมีข้อมูล ชุดสืบสวนเข้าไปตรวจสอบด้วยกรรมวิธีซ้อนแผนสุดเกรียน
โดย “ผู้กองฟิล์ม” และ “หมวดป็อป” ปลอมตัวเป็นนักเรียนวัยขาสั้น เมื่อหันหน้ามาจึงมั่นใจว่าเป็นคนร้ายตะครุบรวบตัวได้ในที่สุด ซึ่งจากการขยายผลพบว่ามีการก่อเหตุลักษณะนี้มาเป็นจำนวนมาก วิเคราะห์ว่าทำเป็นประจำทุกวัน เชื่อว่าตลอด 2 ปี ที่คนร้ายก่อเหตุมากโดยคนร้ายจะนำเงินที่ได้มาไปเล่นการพนันออนไลน์
ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ โดยให้การว่า “ตนเองไม่ได้กรรโชก แต่เป็นการขอเงิน ตนเองทำเช่นนี้มาตั้งแต่ปี 2565 เพราะว่าตนเองหางานทำไม่ได้ จึงทำเช่นนี้มาเรื่อยๆ และเมื่อประมาณปี 2566 ตนเองร่อนเร่ไปก่อเหตุที่ จ.เชียงใหม่ จนหวิดเกือบถูกรุมประชาทัณฑ์ แต่รอดมาได้เพราะยอมคืนเงินให้กับผู้เสียหาย ล่าสุดวันนี้ได้มาก่อเหตุที่ถนนพญาไทได้เงินมา 800 บาท แต่นำไปเล่นพนันออนไลน์หมดแล้วจนเหลือเงินติดตัวเพียง 50 บาท โดยที่ชอบให้เหยื่อโอนเงินเข้าแอปฯ วอลเลต เพราะจะนำไปเล่นพนันออนไลน์