หลังผ่านไป 2 เดือนในเรือนจำ บอสพอลได้ออกมาเคลื่อนไหวแล้ว ผมยังไม่รู้ ว่าผมผิดอะไร ยังรอความยุติธรรมอยู่ โดยได้ออกมาระบายในโลกโซเชียล
ผมอยู่ในเรือนจํามาจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแล้ว การใช้ชีวิตในเรือนจํา “ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” สำหรับคนที่เชื่อมั่น ในความบริสุทธิ์ของตัวเองแบบผม ผมเฝ้าถามตัวเองทุกๆวันว่า “ผมผิดอะไร” .. “ผมทำอะไรผิด” ถึงต้องเข้ามาอยู่ในนี้ อยู่แบบ “ไร้อิสระภาพ” และยังคงรอได้รับการประกันตัวออกไปเพื่อพิสูจน์ให้สังคมได้รับรู้ “ความจริง” จากปากของผมเอง ซึ่งเป็นคนที่ ยังคงเชื่อในกระบวนการยุติธรรมและพร้อมต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม
วันนี้ผมต้องถามตัวเองอีกครั้งว่า ผมกำลังสู้กับอะไรกันแน่? ผมต้องสู้อยู่ในนี้ในที่ ที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก โดยไม่รู้ ข่าวสารต้องเฝ้าถามและรอคอย คำตอบจากคำบอกเล่าของทนายที่เข้ามาเยี่ยมได้แค่ช่วงเวลาหนึ่งในแต่ละวัน ผมบอกเล่าข้อเท็จจริง ฝากทนายความอ๋องเพื่อไปสู่โลกภายนอก โดยการสื่อสารผ่านไปหลายทอด ซึ่งแน่นอนว่า มันไม่มีทางที่จะได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วน มันไม่มีทางที่จะเหมือนคำพูดของผมที่ถ่ายทอดเองโดยตรงออกมาจากใจแน่ๆ ผมกังวลในทุกๆ ครั้งที่ต้องสื่อสารอะไรก็ตาม ผ่านการใช้ปากของคนอื่น แต่ผมจะทำได้อย่างไรในเมื่อผมไม่มีทางเลือกอื่น ยังไงผมก็ต้องสู้ทั้งๆ ที่ความจริงมันเป็นการต่อสู้ ที่ยากลำบาก ปากกาซักด้าม กระดาษซักแผ่น มันคือของที่หาได้ยาก เพื่อให้เขียนลำดับเหตุการณ์ แล้วนำไปบอกเล่าให้ทนายความ ได้เข้าใจความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้น คนที่ถูกจำกัดอิสรภาพแล้วต้องลุกขึ้นมาสู้ เพื่อทวงความยุติธรรมให้ตัวเอง มันคือการ ถูกบีบบังคับ ให้สู้ในขณะที่เสมือนถูกมัดมือ มัดเท้าและปิดหู ปิดตา แล้วบอกว่า “สู้สิ” นี่แหละ ความยุติธรรมที่ผมกำลังเผชิญ การสู้อยู่ในคุกมันยากเกินกว่าที่คุณจะจินตนาการออกได้ แค่การหาพื้นที่ว่าง สำหรับการหย่อนกันเพื่อนั่งลงให้พ้นจากผู้คน ผู้ต้องขังหรือนักโทษจํานวนมาก ที่แออัดกันอยู่ในนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว การจะหาที่เงียบๆ เพื่อเขียนอธิบายสิ่งต่างๆ เป็นเรื่องที่ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ภายใต้สภาพแวดล้อมแบบนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรคุณก็จะได้เห็นข้อความนี้ปรากฏอยู่บน Facebook ของผมแล้ว ผมได้พยายามอย่างที่สุดแล้วจริงๆ ในการกลั่นข้อความบอกผ่านทนายทีละตัวอักษรเพื่อสื่อสารออกมาหาทุกๆ คน ขอให้ทุกๆ คน ตั้งใจอ่านสิ่งที่ผมจะบอกต่อจากนี้ให้ดีๆ นะครับ
ความจริงคือ “คดีนี้ไม่มีผู้เสียหายเลยแม้แต่คนเดียว” คำถามที่คุณต้องถามเพื่อค้นหาความจริงด้วยตัวคุณเอง มีใครสักคนไหม ที่ซื้อสินค้าจากบริษัทแล้วไม่ได้สินค้า มีใครสักคนไหมที่ขายของมีกำไรในระบบแล้วบริษัทไม่จ่ายเงินให้ มีใครสักคนไหมที่ได้ โปรโมชั่นทริปท่องเที่ยวแล้วบริษัทไม่พาไปเที่ยว แล้วคุณจะพบความจริงที่ว่า “ไม่มีเลยสักคน ” ตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่บริษัท ดำเนินธุรกิจมา และไม่มีปรากฏในคำกล่าวหาของตำรวจในคดีนี้ด้วยครับ นั่นคือความจริงที่สรุปได้ว่า ซื้อสินค้าก็ได้สินค้า ทํางานก็ได้เงินและได้ผลตอบแทนอื่นๆ ตามที่บริษัทสัญญาไว้ แต่ก็ยังถูกกล่าวหาว่า “ผมฉ้อโกงประชาชน” อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คุณสงสัยมั้ยครับว่าแล้วทำไมถึงมีคนออกมาแจ้งความเป็น 10,000 คน เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังในจดหมายฉบับต่อไป…
มาดูกันว่าหลังจาก บอสพอล จะออกมาเคลื่อนไหวอะไรอีกไหม