ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.นครปฐม ‘นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร หรือ ทนายพจน์’ นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือ ขอให้สำนักพุทธฯ แจ้งขอให้พระภิกษุผู้ดำรงตำแหน่งปกครองวัด หรือพระภิกษุผู้ดำรงตำแหน่งปกครองคณะสงฆ์ในเขตท้องที่วินิจฉัย ให้ ‘พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา เมตฺตธมฺโม (เสาวภาคย์โชติรส) หรือ พระปีนเสา’ สละสมณเพศ
ทนายพจน์ กล่าวว่า การเข้ายื่นหนังสือในวันนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้มีหนังสือจากพระครูโชติพรหมวรคุณ เจ้าอาวาสวัดวังกวาง จ.ปราจีนบุรี เรื่อง ให้พระครูปลัดธีระฯ หรือพระปีนเสา พ้นจากสังกัดวัดวังกวาง หลังมีการเข้าไปขอเข้าอยู่ในสังกัดตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย. และทางเจ้าอาวาสวัดวังกวางได้แจ้งให้เข้าไปรายงานตัวภายใน 3 วัน และขอความร่วมมือห้ามออกสื่อหรือเคลื่อนไหวโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าอาวาส และห้ามประพฤติปฏิบัติตนอันไม่เหมาะสม
แต่ปรากฏว่าพระปีนเสาไม่เคยเข้ามารายงานตัวแม้แต่ครั้งเดียว กระเมื่อวานนี้ และท่านยังได้กระทำโดยไม่ฟังคำสั่งของเจ้าอาวาสที่ระบุเอาไว้ จึงอาศัยความตามมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พุทธศักราช 2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 (2) สั่งให้บรรพชิต และคฤหัสน์ ซึ่งไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาสออกไปเสียจากวัด หมายความว่า พระปีนเสาไม่มีสังกัดอยู่แล้วนับตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมา สำหรับเนื้อหาในการยื่นหนังสือในวันนี้ มีข้อเรียกร้องอยู่ 8 ข้อ ซึ่งได้มีการรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระปีนเสามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 จนถึงปัจจุบัน เช่น การปีนเสา, การขับรถไปบิณฑบาตโดยมีสีกาไปด้วย, การก่อตั้งสำนักปฏิบัติธรรมอย่างไม่ถูกต้อง, เคยถูกดำเนินคดีทางอาญา 2 คดี, การใช้สื่อโซเชียลไม่เหมาะสม โดยมีการด่าทอกับพุทธศาสนิกชน, การจาบจ้วง ก้าวร้าวต่อศาสนาอื่นเป็นประจำ และมีพฤติกรรมไม่เชื่อฟังคำสั่งของเจ้าอาวาสหลายแห่ง กระทั่งถูกขับออกจากวัดมาแล้วถึง 5 วัด เป็นที่ทราบกันว่า พระปีนเสาได้ถูกขับออกมาแล้ว 5 วัด และเมื่อวานนี้ ทางวัดวังกวางได้มีการขับพระปีนเสาออกจากวัด นับเป็นวัดที่ 6 ซึ่งหากไม่อยากให้เกิดปัญหาก็จำเป็นที่จะต้องให้ท่านลาสิกขาออกไป ซึ่งวันนี้ตนได้มาเรียกร้องให้สำนักพุทธฯ ดำเนินการแจ้งไปยังจังหวัดทั่วประเทศ หากพระปกครองได้พบตัวที่ไหนก็ให้วินิจฉัยให้ท่านลาสมณเพสได้ทันที ไม่เช่นนั้นปัญหาเหล่านี้ก็จะเป็นปัญหาไปตลอด เพราะชัดเจนว่าท่านไม่สามารถอยู่ร่วมกับคณะสงฆ์ได้ ในบัญญัติไม่ได้มีการกำหนดว่าการพันสังกัดวัดนั้นจะมีกำหนดระยะเวลาในกี่วัน ซึ่งหากวินิจฉัยแล้วไม่ยอมสละสมณภายใน 3 วัน ก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ปี พ.ศ.2505 ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และท่านไม่ประสงค์ที่จะอยู่ในพระธรรมวินัย และข้อกำหนดของมหาเถรสมาคมก็จะสนับสนุนให้ไปตั้งลิทธิใหม่ได้ เช่นอาจารย์เบียร์คนตื่นธรรม ที่โกนศีรษะและสวมชุดขาวให้ความรู้ทางธรรมได้ หรือสันติอโศกที่ไม่โกนคิ้วก็สามารถดำเนินการได้ และถ้าอยากปีนต้นไม้ ไลฟ์ด่าพ่อล่อแม่กับใครก็ได้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา วันนี้ยังหาพระปีนเสาไม่พบ ขอฝากไปยังพี่น้องประชาชน ว่าการกระทำของพระปีนเสาอาจจะไม่พอใจกัน แต่เราก็ไม่สามารถไปใช้ความรุนแรงกันได้ หากไม่พอใจก็ควรจะใช้เหตุและผลในการแก้ไขปัญหาหรือหาทางออก และเป็นที่ชัดอยู่แล้วว่า ไม่ว่ากับพระสงฆ์หรือฆราวาสก็ไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงได้ สำหรับ ‘ทนายธรรมราช’ ที่พาดพิงมาถึงตน ท่านอาจจะอ่านคำสั่งมหาเถรสมาคม และ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ฉบับที่ 21 ไม่แตกฉาน ในประเด็นที่ท่านบอกว่าต้องมีคำสั่งจากคณะสงฆ์และตั้งอธิกรณ์สอบ อันนั้นเป็นเรื่องที่พระสงฆ์มีการกระทำความผิดเป็นอาจิณ และท่านยังมีสังกัดวัดอยู่ ซึ่งเป็นไปอย่างที่ท่านพูด แต่กรณีนี้ท่านไม่มีสังกัด สามารถนำมาวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องมีการตั้งกรรมการสอบ