วันนี้ (6 พฤศจิกายน 2567) เวลา 13.30 น. ณ หอประชุมราชรถสโมสร กระทรวงคมนาคม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายฌอง ท็อด (Mr. Jean Todt) ผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติด้านความปลอดภัยบนท้องถนน ร่วมแถลงข่าวเปิดกิจกรรมรณรงค์ความปลอดภัยทางถนนของสหประชาชาติ ภายใต้แคมเปญ #MakeASafetyStatement
นายสุริยะ กล่าวต่ออีกว่า กระทรวงคมนาคมมุ่งมั่นพัฒนาระบบการคมนาคมขนส่งทางถนน ซึ่งเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับประเทศ อีกทั้งเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในการเดินทางให้มีประสิทธิภาพและความปลอดภัย จึงเร่งผลักดันขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อให้เกิดความปลอดภัยทุกมิติ อาทิ ยกระดับมาตรฐานการออกใบอนุญาตขับรถ การพัฒนามาตรฐานยานยนต์ให้เป็นมาตรฐานสากล UN Regulations ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด รวมถึงมีการบูรณาการกับภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่งล้วนเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการลดอุบัติเหตุทางถนน อันนำมาซึ่งความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคมและกระทรวงสาธารณสุขซึ่งได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการขับเคลื่อนความปลอดภัยทางถนน
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กล่าวว่า ปัญหาการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาสำคัญประเทศไทย มีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 18,000 ราย พิการกว่า 10,000 รายต่อปี และบาดเจ็บกว่า 1 ล้านราย มีมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 600,000 ล้านบาทต่อปี ในด้านการเยียวยารักษา กระทรวงสาธารณสุขมุ่งมั่นพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินที่ทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ เพื่อลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน อย่างไรก็ตามการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขได้รณรงค์ให้ใช้ที่นั่งนิรภัยหรือคาร์ซีทสำหรับเด็ก และจัดให้มีโครงการขับขี่ปลอดภัย ใส่ใจสุขภาพ เพื่อตรวจสุขภาพประเมินความพร้อมผู้ขับขี่ โดยตั้งเป้าขับเคลื่อนคลินิกอาชีวเวชกรรมสู่การเป็นศูนย์เชี่ยวชาญการประเมินสมรรถนะทางสุขภาพของผู้ขับขี่ (Medical Fitness to Drive) ให้ได้อย่างน้อย 24 แห่งทั่วประเทศในปี 2568 ในโอกาสนี้ ขอขอบคุณท่านสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายฌอง ท็อด และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านที่เห็นถึงความสำคัญและได้ร่วมยกระดับงานด้านความปลอดภัยทางถนนเพื่อลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ลดความสูญเสียของพี่น้องประชาชนและประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป
“นอกจากนั้นไปหารือร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อพบกรณีขับขี่ไม่สวมหมวกกันน็อก เบื้องต้นจะยังไม่ให้ปรับโดยทันที แต่จะให้นั่งรอ หรือเชิญไปโรงพัก เพื่อนั่งรอไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง เชื่อว่าตรงนี้ถ้าเกิดความไม่สะดวกขึ้น หลังจากนี้คนก็จะสวมหมวกกันน็อกกันมากขึ้น” นายสุริยะกล่าว ซึ่งถ้าหากขยายความเพิ่ม กล่าวคือ ถ้าเกิดไม่ใส่หมวกกันน็อคมาบางที บางคนก็พร้อมที่เสียค่าปรับเท่าไหร่ก็ได้ แล้วก็ไปต่อ ก็จะปรับให้เป็น อย่างน้อยก็เพิ่มกระบวนการ คือให้ไปนั่งรอก่อนไม่ว่าจะเป็นที่ด่านตรวจ หรือโรงพัก อย่างน้อย 1 ชั่วโมง แล้วถึงจะดำเนินการเสียค่าปรับ แล้วไปได้ ซึ่ง นายสุริยะ เชื่อว่าจะทำให้เกิดความไม่สะดวก แล้วคนจะใส่หมวกกันน็อคกันมากขึ้น
เพื่อนำการรณรงค์ความปลอดภัยทางถนนระดับโลกเข้ามาดำเนินการ ณ ประเทศไทย ตลอดจนสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนทุกกลุ่มและกระตุ้น ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการขับเคลื่อนความปลอดภัยทางถนนระหว่างกระทรวงคมนาคมและกระทรวงสาธารณสุข โดยมี นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ลงนามในบันทึกความร่วมมือครั้งนี้
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทยถือเป็นปัญหาสำคัญ และรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้ให้ความสำคัญเร่งด่วนในการแก้ไขอุบัติเหตุทางถนนให้มีจำนวนลดลง ล่าสุดตามรายงานสถานการณ์โลกด้านความปลอดภัยทางถนนปี 2566 ที่จัดทำโดยองค์การอนามัยโลกพบว่าประเทศไทยมีอัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 25 คนต่อแสนประชากร ซึ่งถือว่ายังเป็นประเด็นท้าทายที่ทุกภาคส่วนจะต้องขับเคลื่อนการปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรม ภายใต้กรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ และบรรลุตามเป้าหมายทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน 2021 – 2030 ตามปฏิญญาสตอกโฮล์ม ที่มีเป้าหมายลดการเสียชีวิตและการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนลงร้อยละ 50 ภายในปี 2573 และให้เป็นไปตามแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน ซึ่งประเทศไทย ได้กำหนดเป้าหมายในการลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเป็น 12 คนต่อแสนประชากร ภายในปี 2570
เพื่อการยกระดับและพัฒนากระบวนการออกใบอนุญาตขับรถให้มีคุณภาพ สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยจะนำระบบดิจิทัลที่เหมาะสมมาใช้ในการบริหารและการให้บริการประชาชน พิจารณาและปรับปรุงกฎระเบียบรองรับการตรวจคัดกรองสุขภาพและตรวจประเมินสมรรถนะผู้ขับรถ อีกทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกันพัฒนาระบบให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลใบรับรองแพทย์ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงสนับสนุนการเชื่อมโยงข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อพัฒนามาตรการด้านความปลอดภัยทางถนนของทั้งสองหน่วยงาน อันจะมีส่วนสำคัญในการลดอุบัติเหตุทางถนนโดยรวมของประเทศไทยอย่างยั่งยืนต่อไป
“การแถลงข่าวเปิดกิจกรรมรณรงค์ความปลอดภัยทางถนนครั้งนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความร่วมมือที่เข้มแข็งในการสร้างวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยทางถนนระหว่างรัฐบาลไทยและสหประชาชาติ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาความปลอดภัยทางถนนซึ่งเป็นภัยคุกคามชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนทั่วโลก เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับผู้เชี่ยวชาญระดับโลกซึ่งถือเป็นแรงสนับสนุนสำคัญในการพัฒนานโยบายและมาตรการด้านความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทย นำไปสู่การบรรลุ 12 เป้าหมายระดับโลกเพื่อความปลอดภัยทางถนน พร้อมทั้งร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการขับเคลื่อนความปลอดภัยทางถนน ในการ ยกระดับกระบวนการออกใบอนุญาตขับรถและใบอนุญาตผู้ประจำรถในขั้นตอนการตรวจคัดกรองสุขภาพและสมรรถนะร่างกาย โดยนำระบบดิจิทัลมาใช้บริหารและให้บริการ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา ลดความสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทย และสร้างความเชื่อมั่นในการใช้ระบบการขนส่งทางถนนให้กับพี่น้องประชาชน” นายสุริยะ กล่าว
ขณะที่ นายสุริยะ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้มีความร่วมมือร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม และสมาคมผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ เบื้องต้น ได้หารือกันในเรื่องการซื้อรถจักรยานยนต์ 1 คันควรต้องแถมหมวกกันน็อก 2 ใบ ซึ่งเพิ่มจากเดิมที่แถมให้ 1 ใบ คาดว่าตรงนี้จะเห็นเป็นรูปธรรมในเร็วๆ นี้