หลังจากที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ดิจิทัลวอลเล็ต ในรูปแบบเงินสดให้กับกลุ่มเปราะบาง อันได้แก่ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน และผู้พิการ เป็นเฟสแรก โดยใช้งบประมาณไม่เกิน 1.45 แสนล้านบาท โดยกระทรวงกาคลังได้ระบุคุณสมบัติผู้มีสิทธิ์รับเงิน โดยเฉพาะกลุ่มผู้พิการไว้ดังนี้
คุณสมบัติผู้พิการที่มีสิทธิ์รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท กลุ่มที่ 1
มีบัตรประจำตัวคนพิการ (บัตรยังไม่หมดอายุ)
มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ไม่เป็นผู้ที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของ พม.
กลุ่มที่ 2
มีบัตรประจำตัวผู้พิการ แต่หมดอายุ
ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ไม่เป็นผู้ที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของ พม.
วิธีแก้ ต้องไปต่อบัตรประจำตัวคนพิการภายในวันที่ 3 ธ.ค. 67 และกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แจ้งยืนยันข้อมูลดังกล่าวให้กรมบัญชีกลางทราบ จึงจะได้รับสิทธิ์ กลุ่มที่ 3
ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการ แต่ได้รับเบี้ยความพิการ (ตามฐานข้อมูลของ อปท., กทม. และเมืองพัทยา)
ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ไม่เป็นผู้ที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของ พม.
วิธีแก้ ต้องไปทำบัตรประจำตัวคนพิการภายในวันที่ 3 ธ.ค. 67 เท่านั้น และกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แจ้งยืนยันข้อมูลดังกล่าวให้กรมบัญชีกลางทราบ จึงจะได้รับสิทธิ์
กลุ่มที่ 4
มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ไม่ได้ยืนยันตัวตน ในวันที่ 31 ส.ค. 67
ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการ แต่ได้รับเบี้ยความพิการ (ตามฐานข้อมูลของ อปท., กทม. และเมืองพัทยา)
ไม่เป็นผู้ที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของ พม.
วิธีแก้ ต้องไปทำบัตรประจำตัวคนพิการภายในวันที่ 3 ธ.ค. 67 เท่านั้น และกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แจ้งยืนยันข้อมูลดังกล่าวให้กรมบัญชีกลางทราบ จึงจะได้รับสิทธิ์
ผู้พิการได้รับเงินดิจิทัลวันไหน?
กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เริ่มทยอยจ่ายเงินตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 67 เป็นต้นไป ผ่านช่องทาง ดังนี้
ช่องทางการรับเงินเบี้ยความพิการที่ได้รับข้อมูลจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา
บัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนของคนพิการกลุ่มดังกล่าว ส่วนผู้พิการที่ไม่ปรากฏข้อมูลช่องทางการรับเงินเบี้ยความพิการตามข้อแรก
หากโอนเงินครั้งแรกไม่สำเร็จ กระทรวงการคลังจะโอนเงินซ้ำ 3 ครั้ง
ครั้งที่ 1 ภายในวันที่ 22 ตุลาคม 2567
ครั้งที่ 2 ภายในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567
ครั้งที่ 3 ภายในวันที่ 22 ธันวาคม 2567
ทั้งนี้ เมื่อพ้นกำหนดการ Retry ครั้งที่ 3 แล้ว รัฐจะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการ