เป็นอีกหนึ่งสาวสวยที่หลายๆคนต้องหลงรัก สำหรับ นางเอกสาว ใบเฟริน พิมพ์ชนก ที่ไม่ใช่แค่หน้าตาอย่างเดียวแต่ยังมาจากความสามารถและการวางตัวที่ดีอีกด้วย และในตอนนี้ก็ได้มีข่าวประเด็นร้อนไฟลุกว่า เจ้าตัวได้เลิกรากับแฟนหนุ่มอย่าง นาย ณภัทร เสียงสมบุญ แล้ว ทำให้สาวใบเฟริน กลับมาเป็นที่พูดถึงอย่างมาก อีกทั้งยังมีผู้คนคอยส่งกำลังใจให้ตลอด
วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ มาทำความรู้จักกับ ประวัติใบเฟิร์น พิมพ์ชนก นางเอกสาวสวยแถวหน้าของประเทศไทยคนนี้ให้มากขึ้นกันซักหน่อย มาดูกันว่าตอนเด็กๆ นั้นเธอมีชีวิตยังไงถึงโตมาเป็นสาวสวยที่เพียบพร้อมแบบนี้ ใบเฟิร์น มีชื่อจริงว่า พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ เกิดเมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2535 (ปัจจุบันอายุ 31 ย่าง 32) ภูมิลำเนา เป็นคนกรุงเทพมหานคร ครอบครัวเป็นคนไทยเชื้อสายจีน นามสกุลลือวิเศษไพบูลย์เพี้ยนมาจากแซ่หลี่ว์ IG : baifernbah ประวัติการศึกษา ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาตอนต้น (ประถม 1-4) จากโรงเรียนมีนประสาทวิทยา สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาตอนปลาย (ประถม 5-6) จากโรงเรียนเทพอักษร สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า สำเร็จการระดับปริญญาตรี คณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกการแสดงและการกำกับการแสดง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ต้องบอกเลยว่าจุดเริ่มต้นของเธอนั้นไม่ใช่การเข้าวงการเป็นดาราเลย เพราะตั้งแต่สมัยเด็กนั้นใบเฟิร์นนั้นนักกีฬายิมนาสติกลีลา และได้โควต้าพิเศษของนักกีฬาในการเข้าศึกษาด้วย ซึ่งเธอเคยได้เข้าแข่งกีฬายิมนาสติกลีลา และได้เหรียญรางวัลประเภททีมหลายต่อหลายครั้ง โดยส่วนใหญ่นั้นชีวิตวัยเด็กของเธอจะอยู่แต่ในโรงเรียนและสนามฝึกเป็นส่วนใหญ่ ไม่เหมือนกับเด็กๆ ทั่วไป โดยเธอได้ถูกชักชวนเข้าวงการบันเทิงในตอนที่เธอกำลังศึกษาอยู่ชั้นประถมปีที่ 6 จากโมเดลลิ่งที่เจอเธอในสนามฝึกซ้อม จนเธอได้งานถ่ายโฆษณาและนั่นคือจุดเริ่มต้นในการเข้าสู่วงการบันเทิงสู่ตำแหน่งนางเอกแถวหน้าของประเทศไทย นอกจากผลงานการแสดงแล้ว ใบเฟิร์นยังเป็นที่รู้จักในฐานะนักธุรกิจและนักเคลื่อนไหวด้านสังคม เธอมีธุรกิจส่วนตัวหลายอย่าง เช่น ธุรกิจเสื้อผ้า ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจเครื่องสำอาง เธอยังมีส่วนร่วมในการรณรงค์ด้านสังคมต่างๆ เช่น การรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงในครอบครัว การรณรงค์ส่งเสริมการศึกษา และการรณรงค์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ใบเฟิร์นเป็นบุคคลสาธารณะที่มีบทบาทสำคัญต่อสังคมไทย เธอเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชน และมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนสังคมไทยให้ดีขึ้น