ด.ช. 9 ขวบ ให้เงินคนไร้บ้าน 1 ดอลลาร์ เจอเซอร์ไพรส์กลับ ที่จริงเขาคือเศรษฐี

ตามรายงานของสื่อต่างประเทศ ระบุว่า แมตต์ บุสบิซ ชายผู้มั่งคั่ง วัย 42 ปี จากรัฐลุยเซียนาในสหรัฐอเมริกา เล่าว่า ในช่วงเช้าตรู่ของวันหนึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว จู่ ๆ เสียงแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้ในอาคารที่พักของเขาก็ดังขึ้น เขารีบร้อนออกจากบ้านทั้งชุดนอน และเมื่อทราบว่าเป็นสัญญาณเตือนที่ผิดพลาด จึงตัดสินใจตรงไปที่ร้านกาแฟ

ขณะที่เขากำลังรอกาแฟอยู่นั้น เขาก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้สวดมนต์ตอนเช้า จึงเดินไปที่มุมด้านนอกของร้านและยืนสวดมนต์ เมื่อเขาลืมตาขึ้น ก็เห็น เคลวิน เอลลิส จูเนียร์ เด็กชายวัย 9 ขวบ ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับกำหมัดแน่น ในตอนแรกเขาจึงคิดว่าเด็กชายต้องการจะทำร้ายเขา

ไม่นานหลังจากนั้น เอลลิสก็ยื่นเงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 36 บาท) แล้วบอกว่า “ถ้าคุณเป็นคนไร้บ้าน ผมมีเงิน 1 ดอลลาร์” เขายังบอกด้วยว่าเขาอยากช่วยเหลือคนไร้บ้านมาโดยตลอด หลังจากให้เงินแล้วเด็กชายยังพูดว่า “ในที่สุดผมก็มีโอกาส”

ในระหว่างการพูดคุยกันในเวลาต่อมา เอลลิสบอกกับบุสบิซว่าเงิน 1 ดอลลาร์นั้นเป็นรางวัลสำหรับผลการเรียนที่ดีของเขา ซึ่งทำให้บุสบิซยิ่งซาบซึ้งใจ บุสบิซชวนเอลลิสไปรับประทานอาหารในร้าน และติดต่อกับพ่อของเด็กชาย และทั้งสองซึ่งห่างกัน 33 ปี ก็กลายเป็นเพื่อนกัน

บุสบิซ กล่าวว่า เงิน 1 ดอลลาร์ที่เด็กชายมอบให้ทำให้เขารู้สึกร่ำรวยมากขึ้นกว่าเดิม “ผมไม่ได้ศรัทธาในตัวมนุษย์มาเป็นเวลานานแล้ว” เขาเชื่อว่าถ้าคนรุ่นราวคราวเดียวกันของเอลลิสเต็มใจที่จะให้เหมือนเอลลิส พวกเขาจะสามารถรับความสุขได้มากขึ้น ความรู้สึกที่มีต่อโลกจะเปลี่ยนไป

ในความเป็นจริง บุสบิซ เริ่มต้นจากการประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์สำหรับล่าสัตว์ และก่อตั้งแบรนด์ Wildgame Innovations บริษัทจัดหาอุปกรณ์เดินป่า อุปกรณ์ดึงดูดสัตว์ป่า เครื่องให้อาหารสัตว์ป่า และอุปกรณ์ล่าสัตว์อื่น ๆ ให้กับนักล่า ต่อมาเขาได้ร่วมก่อตั้งและขายบริษัทผลิตภัณฑ์สำหรับกิจกรรมกลางแจ้งมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ร่วมกับหุ้นส่วนของเขา เขายังเป็นเจ้าของร้านขายเครื่องกีฬา BuckFeather อีกด้วย

แม้ว่าเอลลิสจะไม่ได้ทำความดีเพื่อหวังผลตอบแทน แต่บุสบิซก็ตัดสินใจเชิญเอลลิสไปที่ร้านขายเครื่องกีฬาของเขา เพื่อตอบแทนความดี และให้เวลาเด็กชาย 40 วินาทีในการเลือกของขวัญ นอกเหนือจากการเลือกเสื้อผ้าแล้ว เด็กชายยังเลือกจักรยานมูลค่า 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 73,000 บาท)

เอลลิสรู้สึกขอบคุณสำหรับรางวัลดังกล่าวและบอกว่ามันเยี่ยมมาก แต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการอย่างแน่นอน เอลลิส กล่าวว่า “มีความสุขเพราะได้ช่วยเหลือใครสักคน” และ “ถ้าคุณให้ คุณก็จะยิ่งได้”