เรื่องราวของ น้องวิทย์ เด็กเรียนจบ กศน. แต่ด้วยความพยายาม มุ่งมั่นตั้งใจ ทำให้สามารถสอบติดแพทย์ กสพท. ได้ ไปติดตามเรื่องราวของน้องวิทย์กันเลยค่ะ
“ความฝันไม่จำเป็นต้องตรงใจใคร ขอแค่มันตรงใจเราก็พอ” วรวิทย์ คงบางปอ หรือ น้องวิทย์
– สอบติด วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า จากการสอบคัดเลือกระบบรับตรง ของกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย(กสพท.) ปีการศึกษา 2557
– จบหลักสูตรการศึกษานอกโรงเรียนสายสามัญ (กศน.) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จาก กศน.อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง เปิดใจ “น้องวิทย์” ถึงจะเรียนจบ กศน. แต่ก็สามารถสอบติดแพทย์ กสพท. ได้ วรวิทย์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองจบการศึกษา ม.ปลายที่ กศน.อ.เมืองระนอง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เรียนชั้น ม.4 ที่กรุงเทพฯ 1 ปี และย้ายกลับมาที่จังหวัดระนอง แต่เนื่องจากหน่วยกิตไม่ครบ จึงไม่สามารถเรียนต่อที่โรงเรียนมัธยมประจำจังหวัดได้ จึงได้เข้าศึกษาต่อที่ กศน.อ.เมืองระนอง ซึ่งในขณะนั้นก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเส้นทางการศึกษาของตนเองจะเป็นเช่นไร รวมถึงรู้สึกได้ว่าทางบ้านผิดหวังกับการเลือกเส้นทางนี้พอสมควร วรวิทย์ บอกว่า การเรียนที่ กศน.นั้น ตัวผู้เรียนจะต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเองค่อนข้างสูง เพราะไม่มีอาจารย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิดในห้องเรียนเหมือนกับโรงเรียนทั่วไป ซึ่งใน 1 สัปดาห์นั้น ตนเองจะตั้งใจอ่านหนังสือ 6 วัน และหยุดพัก 1 วัน รวมถึงจะหาหนังสือที่มีการเรียนในระบบมัธยมศึกษาทั่วไป แต่ที่ กศน. ไม่มีมาอ่านเสริม โดยจะอ่านทั้งหมดกว้าง ๆ ไปก่อน หลังจากนั้นจึงจะกลับมาเจาะเฉพาะประเด็นหรือหัวข้อที่สำคัญอีกครั้ง ซึ่งการเรียน กศน. จะได้เปรียบนักเรียนในระบบตรงที่ผู้เรียนมีเวลาอ่านหนังสือได้มากกว่า แต่ต้องควบคุมและจัดระเบียบตัวเองให้ได้ด้วย วรวิทย์ ได้เล่าให้ฟังถึงการวางแผนในการสอบเรียนต่อว่า ตนเองตั้งใจจะสอบเรียนต่อแพทย์มาตั้งแต่ต้น และได้วางแผนให้กับตัวเองในการศึกษา ด้วยความมีระเบียบทั้งการเรียนและการอ่านหนังสือ จุดไหนที่ขาดก็จะหามาเติมให้เต็ม โดยมีการไปติวในวิชาสามัญอื่น ๆ ที่ กศน. ไม่มีบ้างในบางวิชา แต่สำหรับการสอบต่อแพทย์นั้นไม่ได้ไปติวเพิ่มแต่อย่างใด อาศัยการศึกษาข้อสอบในปีก่อน ๆ และมาทำการเก็งข้อสอบเอาเอง โดยเชื่อว่าทุกอย่างนั้นต้องอยู่ในวิชาที่มีการเรียนการสอน จนในที่สุดตนเองก็สมัครสอบเข้าที่กลุ่มสถาบันแพทย์ศาสตร์แห่งประเทศไทย ซึ่งมีผู้สมัครสอบราว 30,000 คน แต่รับประมาณ 1,300 คน และก็สอบได้ในอันดับแรกที่เลือกไว้คือที่ วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์พระมงกุฏ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นแพทย์ทหาร “ในสังคมนี้อาจจะมีคนเก่งเยอะมากแล้ว และตัวผมเองนั้นเคยทำให้พ่อแม่ผิดหวังจนต้องเสียน้ำตามาแล้วหลายครั้ง แต่สำหรับครั้งนี้และต่อไปในอนาคต จะมีแต่ความภาคภูมิใจ ความยินดี ที่ผมจะเป็นคนดีและคนเก่งสำหรับพ่อและแม่ของผมครับ” วรวิทย์กล่าวทิ้งท้าย คนที่อาจะจจะไม่ได้มีอะไรพร้อมกว่าคนอื่น และอาจจะด้อยกว่าด้วยซ้ำ ทำไมเขาจึงทำได้ สามารถสอบติดคณะที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะเข้าไปได้ ทั้งๆที่พื้นฐานชีวิตความพร้อมต่างๆไม่มีอะไรจะไปสู้คนอื่นได้เลย บ้านไม่ได้รวย อย่าว่าแต่โรงเรียนดังเลย ที่เขาไม่ได้เรียน แม้แต่โรงเรียนสามัญธรรมดา ก็ไม่ได้เรียน ต้องไปเรียน กศน.หรือ การศึกษานอกโรงเรียน …แต่สิ่งหนึ่งที่เขามีอยู่เหลือเฟือคือ “ความพยายาม” “ความฝันไม่จำเป็นต้องตรงใจใคร ขอแค่มันตรงใจเราก็พอ” ที่มา : phumpunya