เช็กเงื่อนไข-หลักเกณฑ์-คุณสมบัติ ผู้ได้รับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 ช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2568 รวมกว่า 17.5 ล้านคนถึง 20 ล้านคน
“ประชาชาติธุรกิจ” เกาะติดความเคลื่อนไหว-ความคืบหน้าของการแจกเงินสด 10,000 บาท เฟส 2 ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป รวมถึงการแจกเงินดิจิทัล เฟส 3 ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2568
ล่าสุดภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ 1/2567 ที่มี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 พร้อมรัฐมนตรีและผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังมีมติเห็นชอบมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป รวม 3-4 ล้านคน ใช้งบประมาณ 40,000 ล้านบาท
เม.ย.-มิ.ย. 68 แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า “การเติมเงิน 10,000 บาท เฟส 2 เราดูกลุ่มคนที่เราคิดว่ามีความจำเป็น คือ กลุ่มที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งมีจำนวน 3-4 ล้านคน ทำได้ทันที
สำหรับกลุ่มคนที่เหลือ (เฟส 3) เราจะดูความพร้อมของระบบ ซึ่งประมาณเดือนเมษายน-มิถุนายนปีหน้า จะเป็นช่วงที่เราได้ทบทวนและดูว่าจะมีการทำต่อไปหรือไม่
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเลตว่า ยืนยันว่าจะได้รับอย่างแน่นอน ในรูปแบบดิจิทัล
ซึ่งมองประโยชน์ใน 2 มิติ คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจ และการใช้ดิจิทัล ซึ่งจะมีประชาชนที่ต้องดูแลเหลือประมาณ 26 ล้านคน โดยตัดความซ้ำซ้อนจากกลุ่มเปราะบางที่เข้ามาลงทะเบียนแล้วได้รับสิทธิไปแล้ว
“จากยอดลงทะเบียน 36 ล้านคนพบว่ามีความซ้ำซ้อนจากสิทธิที่ได้รับในกลุ่มเปราะบาง 10 ล้านคน ส่วนกลุ่มเปราะบางที่เหลืออีก 4 ล้านคน ก็สันนิษฐานได้ว่า เป็นกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนด้วย ฉะนั้นจะเหลือประชาชนที่ต้องดูแลอีกประมาณ 26 ล้านคนบวกลบ” รมช.คลัง กล่าว
แจกเงินเฟส 3 ใช้งบฯ 1.4 แสนล้าน
นายจุลพันธ์ รมช.คลัง ระบุว่า สำหรับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต เฟส 3 จะใช้วงเงินที่เหลืออีก 1.4 แสนล้านบาท คาดจะเริ่มช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2568 หลังจากทดสอบระบบดิจิทัลวอลเลตเสร็จสมบูรณ์แล้ว
“กลุ่มนี้จะได้รับเงิน 10,000 บาท ในระบบดิจิทัลวอลเลตเท่านั้น จะไม่มีการแจกเป็นเงินสด ส่วนการลงทะเบียนในรอบกลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนอยู่ระหว่างพิจารณา และจะเปิดให้ลงทะเบียนได้ในเร็ว ๆ นี้” นายจุลพันธ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า ในส่วนของผู้ลงทะเบียนแอปทางรัฐที่ลงทะเบียนไว้ก่อนหน้านี้มีประมาณ 36 ล้านคน เมื่อหักจำนวนกลุ่มเปราะบางที่ได้รับเงินสดกลุ่มแรกไปแล้ว 14.5 ล้านคน ใช้งบประมาณ 1.45 แสนล้านบาท และที่กำลังจะจ่ายกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปอีกจำนวน 4 ล้านคนในช่วงตรุษจีน 2568 เป็นเงิน 40,000 ล้านบาท
เท่ากับว่ามีผู้ที่จะได้เงินในเฟส 1 และเฟส 2 รวมกัน 18.5 ล้านคน เป็นเงิน 1.85 แสนล้านบาท ขณะที่ยังมีผู้ที่ลงทะเบียนไว้ และยังไม่ได้รับเงิน 17.5 ล้านคน (รวม 36 ล้านคน)
แต่กระทรวงการคลังระบุว่าจะใช้งบประมาณในเฟส 3 จำนวน 1.4 แสนล้านบาท ถ้าจ่ายรายละ 10,000 บาท จำนวนงบประมาณที่ตั้งไว้อาจไม่เพียงพอหรือไม่ ? ยกเว้นว่าอาจจะมีจำนวนคนที่ซ้ำซ้อนกันในเฟส 1 และ 2 กันค่อนข้างมาก หรือมีประชาชนบางส่วนอาจไม่ขอรับเงินดังกล่าว หรือมีคนไม่เข้าหลักเกณฑ์
อย่างไรก็ตาม หากยึดตัวเลขกลม ๆ ที่นายจุลพันธ์เคยอธิบายไว้เมื่อ 25 ก.ย. 2567 ว่า จากตัวเลขผู้ลงทะเบียนไว้ทั้งหมด 36 ล้านคน หักจำนวนกลุ่มเปราะบางกลุ่มแรก รวมกับกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปในเฟส 2 และอาจรวมกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนด้วย ซึ่งอาจมีความซ้ำซ้อนกัน
ทำให้ตัวเลขผู้ได้รับเงินในกลุ่มที่ 1 และ 2 จะอยู่ที่ 10 ล้านคน และทำให้มีประชาชนที่จะได้รับเงินในเฟส 3 มีจำนวน 26 ล้านคนตามที่นายจุลพันธ์กล่าวไว้ แต่มีงบประมาณที่จะใช้ในกลุ่มที่ 3 หรือเฟส 3 นี้ จำนวน 1.4 แสนล้านบาท เท่ากับว่าแต่ละคนอาจจะไม่ได้เงินจำนวน 10,000 บาท
จึงต้องย้อนกลับไปช่วงก่อนหน้าว่า การแจกเงินในเฟส 3 ประชาชนอาจจะได้รับแค่คนละ 5,000 บาท ไม่ใช่ 10,000 บาท เนื่องจากรัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องนำเงินงบประมาณไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ หรือดำเนินนโยบายทางด้านอื่น ๆ ของรัฐบาลด้วย
ยกเว้นว่าจะมี “การออกแบบการแจกเงิน-การใช้เงิน” ในรูปแบบอื่น เพราะรัฐบาลย้ำว่า การแจกเงินเฟส 3 นี้ จะเป็น “การแจกเงินดิจิทัล” ไม่ใช่การแจกเป็นเงินสดแล้ว หรือมีตัวเลขซ้ำซ้อนกันมากถึง 8-10 ล้านคน
ผู้สูงอายุ ลงทะเบียนแอปทางรัฐไม่สำเร็จ ทำอย่างไร
สำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีที่ลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐไม่สำเร็จ หรือยืนยันตัวตนไม่ผ่าน รวมถึงกลุ่มเปราะบางที่ไม่มีสมาร์ทโฟน จะมีโอกาสลงทะเบียนเก็บตกได้รับเงินสด 10,000 บาทหรือไม่นั้น
นายจุลพันธ์กล่าวว่า เรื่องนี้กำลังพิจารณา หากทำทันก็อาจจะเปิดให้มีโอกาสรับเงินสดได้ หากไม่ทันอาจจะให้ไปรวมอยู่ในกลุ่มใช้จ่ายผ่านดิจิทัลวอลเลต ซึ่งตรงนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป ขอให้อดใจรอ แต่ยืนยันว่าทุกคนที่ลงทะเบียนและได้สิทธิจะได้รับเงิน 10,000 บาทแน่นอน
คุณสมบัติผู้ได้รับเงิน 10,000 บาท เฟส 2
กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป (เป็นกลุ่มเปราะบาง) ต้องเป็นผู้ที่ “ลงทะเบียนแอปทางรัฐ” เท่านั้น
คนไม่ลงทะเบียน Super App ทางรัฐหมดสิทธิทันที
ตัดสิทธิคนที่ได้รับเงินเฟสแรกไปแล้ว
ไม่มีรายได้เกิน 840,000 บาท/ปี
ไม่มีเงินฝากทุกบัญชีเกิน 5 แสนบาท
ไม่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ
ไม่เป็นผู้ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการโครงการอื่น ๆ ของรัฐ
ไม่เป็นผู้ฝ่าฝืนเงื่อนไขมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ
จ่ายเงินก่อนตรุษจีน 2568 (29 ม.ค. 2568)
วิธีตรวจสอบสิทธิเงินดิจิทัล 10,000 บาท บนแอปทางรัฐ
วิธีตรวจสอบสิทธิเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านแอปทางรัฐมี 6 ขั้นตอนดังนี้
1.เปิดแอปทางรัฐ เข้าสู่ระบบให้เรียบร้อย จากนั้นกดปุ่มตรวจสอบสถานะ
2.ระบบจะขออนุญาตเข้าถึงข้อมูล และขอยืนยันเบอร์โทรศัพท์มือถือ เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตน ให้ท่านกดปุ่มยืนยันข้อมูล
3.กรอกเบอร์โทรศัพท์และกดปุ่มรับรหัสทาง SMS (OTP)
4.กรอกรหัส OTP และกดปุ่มยืนยันโทรศัพท์มือถือ
5.กดปุ่มอนุญาต ให้แอปพลิเคชั่นเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
6.ระบบจะแสดงผลว่า สถานะในการรับสิทธิตามโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ของท่านอยู่ในขั้นตอนใด
หากอยู่ในขั้นตอนที่ 3 คือระบบอยู่ระหว่างการตรวจสอบสิทธิ
หากอยู่ในขั้นตอนที่ 4 คือท่านไม่ได้รับสิทธิ
หากอยู่ในขั้นตอนที่ 5 คือท่านได้รับสิทธิตามโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต
ช่องทางดาวน์โหลดแอปทางรัฐ
ช่องทางดาวน์โหลดแอปทางรัฐ มีดังนี้
โหลดแอปทางรัฐผ่านระบบ App Store
โหลดแอปทางรัฐผ่านระบบ Google Play