จากโศกนาฏกรรมไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี กำลังเดินไปทางไปทัศน์ศึกษา ซึ่งเกิดเหตุบริเวณเลนขวาสุดของช่องเลนด่วน ถนนวิภาวดีรังสิต ช่วงหัวโค้งหน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานีหรือห่างจากด้านหน้าเซียรังสิต ฝั่งขาเข้า กทม. ประมาณไม่ถึงกิโลเมตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลบริษัทประกันที่ดูแลรถบัสคันเกิดเหตุพบว่า รถบัสคันนี้จดทะเบียนครั้งแรก เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2513 หากนับล่าสุด อายุรวม 54 ปี โดยขณะนั้นระบุเป็นประเภทรถโดยสารไม่ประจำทาง เลขตัวรถ 14300 เลขเครื่องยนต์ 422915-20-590053 มีที่นั่ง 41 ที่นั่ง น้ำหนักรวม 16,600 กิโลกรัม ทั้งนี้ ยังมีข้อมูลอีกว่า รถดังกล่าวดัดแปลงมาจากรถยี่ห้อหนึ่ง (อีซูซุ) และเอาเครื่องยนต์รถอีกยี่ห้อ (เบนซ์) มาใส่ ขณะเดียวกัน ตอนที่ยื่นขนส่งไม่ได้ยื่นจดทะเบียนว่าติดตั้งก๊าซเอ็นจีวี แต่ตอนที่สมัครกับบริษัทประกัน ยื่นว่ารถบัสคันที่เกิดเหตุติดก๊าซเอ็นจีวี เมื่อเวลา 21.00 น. วานนี้ (1 ต.ค.2567) ที่ สภ.คูคต พบว่านายอรรถพล ตัวแทนบริษัทรถบัสคันที่เกิดเหตุ พาผู้ประกอบการเข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวน ก่อนให้สัมภาษณ์ ระบุว่า ก่อนอื่นแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนได้พาผู้ประกอบการมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงถึงการใช้รถแล้ว ทางผู้ประกอบการพร้อมเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ยืนยันรถผ่านการตรวจสภาพ ดัดแปลงติดตั้งระบบแก๊ซการผ่านตรวจสอบทางวิศกรรมรถยนต์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบกอย่างถูกต้อง ส่วนประเด็นในเรื่องของประตูฉุกเฉินรถโดยสารที่พบว่าไม่มีการเปิดในขณะเกิดเหตุ ตัวแทนของบริษัทยืนยันว่าสามารถเปิดออกได้ แต่ประตูค่อนข้างมีน้ำหนักมากพอสมควร ทำให้ครูกับนักเรียน อาจจะใช้แรงไม่เพียงพอในการเปิดประตูฉุกเฉิน