ดราม่าทีมแบ็กโฮ อาสาเคลียร์โคลน โพสต์ตัดพ้อหลังโดนไล่พ้นพื้นที่ถ้ำผาจม ด้านผู้ควบคุมงาน อธิบายอีกมุม ไม่ได้ไล่ แต่ทีมนี้ไม่เคยเข้าประชุมแผนงาน ทำให้งานล่าช้า จึงขอให้ออกไปก่อน
วันที่ 27 ก.ย. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดดราม่าขึ้นในโลกโซเชียล เมื่อกลุ่มจิตอาสาที่นำรถแบ็กโฮเล็ก ช่วยตักโคลนในชุมชนถ้ำผาจม อ.แม่สาย จ.เชียงราย โพสต์ตัดพ้อ ถูกสั่งให้ออกจากพื้นที่ ระบุว่า เสียใจ พ่อ แม่ พี่ น้องถ้ำผาจมด้วยนะครับ ทีมงานคุณภาพของเราทั้งหมด 8 คัน ถูกสั่งย้ายออกวันนี้ เราอาจทำดีเกินไป หรืออาจทำไม่ถูกใจใคร ชาวบ้านยิ้มเราดีใจ เราตัดสินใจย้ายออกทั้งหมด เมื่อคุณไม่ต้องการเรา เรามาลุยต่อข้างบน เพราะเราไปด้วยใจ ใจเราสูงกว่า ใจเราเด็ดกว่า ย้ายขึ้นมาช่วยพี่น้องที่ยังต้องการเราอีกเยอะ ขัดขากันเข้าไปตามสบาย ลุยต่อ ที่อื่นมีอีกเยอะ รอได้เลย เราจะแสดงให้ดูว่างานคุณภาพเป็นยังไง โดยนายสันชัย เผยกับผู้สื่อข่าวว่า เสียความรู้สึกกับเหตุการณ์นี้ เนื่องจากนำรถแบ็กโฮ มาจากสมุทรสาคร ตั้งใจนำมาช่วยผู้ประสบภัย พร้อมอ้างว่าทางกรมชลประทาน ให้ออกจากพื้นที่ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางกรมฯ เติมน้ำมันให้ พร้อมกับนำสติกเกอร์มาติดที่รถ แต่เมื่อวานนี้มาบอกว่า จะไม่เติมน้ำมันให้แล้ว และให้นำเครื่องจักรออกจากพื้นที่ ซึ่งก็ยังไม่ทราบสาเหตุว่าทำไม และที่ว่าไม่ฟังคำสั่งจากส่วนกลาง ก็แล้วแต่เขา เรื่องจะได้จบๆ ไป จะได้ไปช่วยชาวบ้านจุดอื่นที่เขาต้องการ ซึ่งตอนแรกตั้งใจว่าจะช่วยจนถึงสิ้นเดือนนี้ เพราะตอนที่มา ก็ออกทุนเองทั้งหมด ด้านเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมงาน รับหน้าที่ดูแลเครื่องจักรทั้งหมดที่เข้ามาทำงานในพื้นที่ บอกว่า ไม่ได้ไล่ แต่ทีมงานจิตอาสากลุ่มนี้ ไม่ฟังแผนงานจากผู้ควบคุมงาน ซึ่งทุกหน่วยงานที่เข้ามาช่วย ไม่ว่าจะเป็นจากภาครัฐ หรือเอกชน ต้องมารายงานตัวที่กองอำนวยการ จะได้วางแผนกับทีมอื่นๆ ในการแบ่งงานกันว่าใครจะไปจุดไหน แต่กลุ่มนี้ไม่เคยเข้าประชุมเลยสักครั้งเดียว และกลุ่มนี้ก็ทำตามแบบแผนของตัวเอง จึงไม่ตรงกับแผนที่วางไว้ ทำให้งานภาพรวมล่าช้า และสร้างความสับสนให้ทีมอื่นด้วย ซึ่งไม่ได้ไล่ แต่ขอให้ออกไปก่อน และว่าถ้าจะเข้ามาทำงานในพื้นที่ก็อยากให้ทำตามระบบเท่านั้นเอง … ขณะที่ ดร.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “มูลนิธิเป็นพันธมิตรกับทีมที่ลงพื้นที่ในผาจม อย่างที่ได้มีการรายงานหน้าเพจตลอดเวลา ยืนยันว่าบริเวณนั้นเค้ามีการประสานงานกัน ช่วยเหลือกันทำงานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะทีมมูลนิธิเพื่อนพึ่งภา ที่ลงงานกันตั้งแต่วันแรก รวมถึงทหาร หน่วยงานราชการ รวมถึงเอกชนและจิตอาสา ลุยกันตั้งแต่สภาพพื้นที่โคลนจมถึงชั้นสอง การทำงานที่ใหญ่ขนาดนี้ ต้องมีการวางแผนทำงาน เพื่อจัดระเบียบการจราจร ประสานงานเพื่อให้เกิดทีมเวิร์กที่ดี ตอนนี้มีประเด็นดราม่า ที่อาจทำให้คนในพื้นที่ ที่สู้กันจริงๆ เสียกำลังใจ ยังไงรอฟังความทั้งสองข้างก่อนค่อยตัดสินนะคะ บุ๋มขอเป็นกำลังใจให้คนลงพื้นที่ทุกคน”
