เช็คที่นี่!แถลง‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ เปิดกำหนดการ‘ลงทะเบียน’-กฎการซื้อสินค้า
24 กรกฎาคม 2567 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การคลัง , นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ร่วมแถลงข่าวโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ในส่วนของการลงทะเบียน การยืนยันตัวตน และการตรวจรับสิทธิ์ นายจุลพันธ์ กล่าวถึงกลุ่มผู้มีสิทธิ์ลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต คือ 1.สัญชาติไทย 2.มีชื่อในทะเบียนบ้าน 3.อายุ 16 ปีขึ้นไป ณ วันที่ 16 ก.ย.2567 อันเป็นวันปิดลงทะเบียน 4.รายได้ไม่เกิน 8.4 แสนบาทต่อปี อิงตามปีภาษี 2566 สรรพากรประเมินผลข้อมูล 7 วันก่อนเปิดลงทะเบียน 5.ไม่มีเงินฝาก 6 ประเภท คือ 5.1กระแสรายวัน 5.2 ออมทรัพย์ 5.3 ประจำ 5.4 บัตรเงินฝาก 5.5 ใบรับเงินฝาก และ 5.6 ผลิตภัณฑ์เงินฝากในชื่ออื่นใด ในสถาบันการเงิน เกิน 5 แสนบาท หมายเหตุ นับเฉพาะเงินบาทเท่านั้น และไม่รวมถึงเงินฝากในบัญชีร่วม นับวันตรวจสอบถึงวันที่ 31 มี.ค. 2567 6.ไม่อยู่ระหว่างถูกจำคุก 7.ไม่เป็นผู้ที่ถูกเรียกเงินคืน หรือผู้ที่ฝ่าฝืนเงื่อนไขโครงการอื่นๆ ของภาครัฐ #กำหนดการลงทะเบียนประชาชน 1.กลุ่มมีสมาร์ทโฟน 1 ส.ค. – 15 ก.ย. 2567 ใช้แอปฯ ทางรัฐ ลงทะเบียน และไม่จำกัดจำนวนผู้ลงทะเบียน หากคุณสมบัติผ่านก็เข้าร่วมได้ คาดว่ามีประมาณ 45 ล้านคน 2.กลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน 16 ก.ย. – 15 ต.ค. 2567 มีการตรวจสอบคุณสมบัติเช่นเดียวกับกลุ่มมีสมาร์ทโฟน โดยใช้จ่ายผ่านบัตรประชาชน แต่จะมีข้อจำกัดในการใช้จ่ายที่มากกว่า เช่น ร้านค้าที่เปิดสมาร์ทโฟนขณะแลกเปลี่ยนเท่านั้น และต้องมีการบันทึกภาพผู้ที่ใช้บัตรประชาชน เพื่อยืนยันว่าเป็นเจ้าของบัตรตัวจริง #ร้านค้า เริ่ม 1 ต.ค. 2567 เป็นต้นไป คาดว่าจะมีมากกว่า 2 ล้านร้านค้า แบ่งเป็น 1.นิติบุคคลที่ขึ้นทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ราว 9.1 แสนร้านค้า 2.ร้านอาหารและร้านค้าธงฟ้า ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ 1.9 แสนร้านค้า 3.โชห่วย หาบเร่แผงลอย ร้านอาหาร ตลาดนัด ต้องขึ้นทะเบียนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย คาดว่ามีราว 4 แสนร้านค้า 4.กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ราว 9.3 หมื่นร้านค้า 5.ห้างคล้าส่ง-ค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ ที่ขึ้นทะเบียนกับสมาคมค้าปลีกไทย ราว 5 หมื่นร้านค้า 6.ร้านค้าในเครือข่าย ร้านค้าในห้างสรรพสินค้า ขึ้นทะเบียนกับสมาคมค้าปลีกไทย ราว 5 แสนร้านค้า #เริ่มใช้จ่ายในไตรมาส 4/2567 มีเงื่อนไขแบ่งเป็น 2 ส่วน ดังนี้ 1.ประชาชนกับร้านค้า 1.1 ให้ใช้ได้กับร้านค้าขนาดเล็กลงไปเท่านั้น ซึ่งรวมถึงร้านสะดวกซื้อ แต่ไม่รวมถึงห้างสรรพสินค้า และห้างค้าส่ง-ค้าปลีกขนาดใหญ่ทั้งระดับประเทศและระดับท้องถิ่น 1.2 ในการซื้อสินค้า หากประชาชนที่มีถิ่นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน อยู่อำเภอใดก็ต้องซื้อ-ขายเฉพาะในอำเภอนั้น และต้องซื้อ-ขายแบบพบหน้า (Face-to-Face) โดยจะตรวจสอบจากที่อยู่ร้านค้าที่ลงทะเบียน ที่อยู่ตามทะเบียนบ้านของประชาชน และพิกัดในขณะใช้จ่ายกับร้านค้า จึงถือว่าการชำระเงินสมบูรณ์ 2.ร้านค้ากับร้านค้า 2.1 ซื้อได้กับร้านค้าต่างพื้นที่ ไม่ต้องเป็นแบบพบหน้า สินค้าเข้าร่วมได้เกือบทุกประเภท ยกเว้นสินค้าบัญชีเชิงลบ (Negative List) เช่น สลากกินแบ่งรัฐบาล ยาสูบ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์กัญชา-กระท่อม บัตรกำนัล บัตรเงินสด ทองคำ อัญมณีต่างๆ เชื้อเพลิง (ก๊าซ-น้ำมัน) เครื่องใช้ไฟฟ้า-อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงเครื่องมือสื่อสาร อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์อาจปรับปรุงแก้ไขรายการสินค้าในบัญชีนี้ได้ การใช้จ่ายในโครงการไม่รวมถึงภาคบริการ #ขั้นตอนการลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” แบ่งเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้ รูปแบบที่ 1 การยืนยันตัวตนและลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567 รูปแบบที่ 2 การยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” มาก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2567 แล้วจึงค่อยมาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567 ซึ่งจะทำให้คงเหลือขั้นตอนลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม เป็นต้นไป ที่ง่ายและรวดเร็วกว่า ดังนั้น จึงขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนเตรียมการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” และทำการยืนยันตัวตนล่วงหน้าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ได้โดยตรงจากแอปพลิเคชัน “App Store” สำหรับระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) และแอปพลิเคชัน “Google Play” สำหรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) บนโทรศัพท์สมาร์ตโฟน ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการ นำเสนอรายละเอียดต่าง ๆ ของโครงการฯ ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบภายในเดือนกรกฎาคม 2567 ประชาชนที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเตรียมการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ได้ที่เว็บไซต์ www.digitalwallet.go.th หรือพิมพ์เป็นภาษาไทยว่า www.กระเป๋าเงินดิจิทัล.รัฐบาล.ไทย หรือสามารถสอบถามผ่านศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (Call Center) สายด่วน โทร. 1111 ซึ่งพร้อมให้บริการและคำแนะนำปรึกษาแก่ประชาชนแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป