เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ที่ สน.ดอนเมือง พ.ต.ท.อำนาจ ฉ่ำชะเอม รอง ผกก.สส.สน.ดอนเมือง เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำ นายเอกลักษณ์ ขุนพรหม หรือ “เอก สายเต๊าะ” อายุ 41 ปี ให้การปฏิเสธกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นสิทธิที่ผู้ต้องหาจะให้การ โดยตำรวจเองจะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นประวัติก่อนหน้านี้ที่ถูกดำเนินคดี และข้อมูลจากชาวบ้าน โดยยืนยันว่าจะดำเนินการทุกมิติและรอบคอบอย่างถึงที่สุด
พ.ต.ท.อำนาจกล่าวว่า จากการตรวจค้นบ้านนายเอก พบสิ่งเทียมอาวุธปืน อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นปืนจริงหรือไม่ ส่วนบริเวณรั้วบ้านพบกระเป๋าของพนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) หมู่บ้าน ที่นายเอกใช้อาวุธมีดยาวไปชิงทรัพย์เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา จึงแจ้งข้อกล่าวหา ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธมีด ซึ่งตำรวจตรวจยึดอาวุธมีดใช้ก่อเหตุเอาไว้แล้ว เบื้องต้นตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติด ส่วนการตรวจจิตเวชแพทย์วินิจฉัยว่าไม่ว่ามีอาการทางจิต พ.ต.ท.อำนาจกล่าวอีกว่า ขั้นตอนหลังจากนี้จะนำตัวนายเอก ไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดา วันพรุ่งนี้ (21 ก.ค.) โดยในสำนวนพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากจะต้องบรรยายพฤติการณ์ และประวัติการกระทำความผิดของผู้ต้องหาที่พบว่ามีการกระทำความก่อนหน้านี้ โดยจะบรรยายในเรื่องของพฤติกรรมเพื่อให้ศาลพิจารณาเรื่องของความรุนแรงและมีผลกระทบกับประชาชนในวงกว้าง เชื่อว่าจะมีผลในการพิจารณาของศาลอย่างแน่นอน เพราะอัตราโทษของผู้ที่เคยกระทำความผิด หากพบว่ามีการกระทำความผิดซ้ำ ศาลจะหยิบยกมาให้ความสำคัญในการพิจารณา การดำเนินการตามกฎหมายอาญาตามมาตรา 39 ห้ามเข้าเขตกำหนดหรือควบคุมตัวในกรณีจำเลยกระทำตัวเป็นอันตรายต่อสังคม และมาตรา 45 ศาลสั่งห้ามจำเลยเข้าเขตที่กำหนดไม่เกิน 5 ปี ทางตำรวจจะมีการบรรยายไปในสำนวน แต่จะมีการบังคับใช้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล รอง ผกก.สส.กล่าวว่า ส่วนข้อหาอื่นๆ จำเป็นต้องรวบรวมพยานหลักฐานอื่นๆ มาประกอบให้รอบด้านเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยตำรวจเข้าใจความรู้สึก และความเดือดร้อนของชาวบ้านเป็นอย่างดี แต่การดำเนินคดีจะต้องขึ้นอยู่กับกรอบของกฎหมาย ทั้งที่ตำรวจทุกนายอยากจะดำเนินการแต่บางครั้งติดเรื่องข้อกฎหมายทำให้ไม่ทันใจชาวบ้าน ขอให้อดใจรอ ส่วนการไลฟ์สดโชว์อาวุธปืนและก่อความเดือดร้อนรำคาญในหมู่บ้านนั้น รวบรวมพยานหลักฐานไว้ทั้งหมดแล้ว และจะต้องมีการถอดคำจากคลิปวิดีโอไลฟ์สด เพื่อดูว่าเข้าข่ายว่าการกระทำผิดกฎหมายข้อใดบ้าง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาตำรวจนำตัวนายเอกมาสอบปากคำที่ห้องสอบสวน โดยนายเอกมีท่าทีสงบลงสามารถตอบคำถามสื่อมวลชนได้อย่างชัดเจน โดยกล่าวคำขอโทษกับประชาชน และยืนยันว่าจะปรับปรุงตัว ด้วยการไม่เสียงดัง ขอโทษที่ทำให้ชาวบ้านตกใจกลัวคำพูดอาจจะรุนแรงไป จะไม่ขับรถเร็วในหมู่บ้าน และจะใช้คำพูดกับเพื่อนบ้านดีๆ ในอนาคตจะทำได้หรือไม่ยังไม่รับปากแต่จะพยายาม แต่การออกมาโวยวาย ยอมรับว่าต้องการติดต่อนิติบุคคลของหมู่บ้านให้ออกมาปรับปรุงการทำหน้าที่ ส่วนการจะสำนึกผิดหรือไม่ ยืนยันว่าไม่สำนึกผิด เพราะไม่ได้ทำผิดอะไร ส่วนการนอนห้องขังถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่กังวล ทำผิดก็ต้องรับผิด ขณะที่หนึ่งในลูกบ้านในหมู่บ้านนำอาหารและน้ำดื่มมาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชน เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ให้ความสำคัญกับปัญหาความเดือดร้อนของลูกบ้าน หลังทราบว่าตำรวจควบคุมตัวนายเอกมาที่ สน.ดอนเมือง พร้อมเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเป็นคนนึงที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของนายเอก โดยรถยนต์ความเสียหายจากการที่ได้ไปใช้เส้นทางอื่นจากการที่นายเอกปิดทางเข้า-ออกหมู่บ้าน ส่วนลูกบ้านคนอื่นๆ ถูกกระทำการในลักษณะเดียวกัน ยอมรับว่าทนไม่ไหวถึงขั้นต้องประกาศขายบ้าน พร้อมอยากขอร้องเจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาข่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าวให้หมดไปเสียที ส่วนการประกาศขายบ้านนั้น ตอนนี้ลูกบ้านและตนยังคงจะประกาศขายบ้านอยู่ เพราะยังไม่ได้รับความชัดเจนว่านายเอกจะได้รับการประกันตัวหรือไม่ เพราะที่ผ่านมานายเอกถูกจับกุมมาแล้วและได้รับการปล่อยตัวออกมา หลังปล่อยตัวก็ออกมาอาละวาด และกระทำลักษณะเดิมซ้ำ จริงๆ แล้วคนที่ควรออกจากหมู่บ้าน คือนายเอกไม่ใช่ลูกบ้าน พร้อมวอนเจ้าของโครงการควรดำเนินการขั้นเด็ดขาด ไม่ควรปล่อยให้เป็นภาระของลูกบ้าน อย่ารักษาบ้านเพียง 1 หลังแลกกับคนหมู่มาก เพราะทุกวันนี้ชาวบ้านต้องอยู่กันด้วยความหวาดระแวง ทั้งที่บ้านเป็นเหมือนที่พื้นที่ปลอดภัย แต่กลายเป็นว่าต้องนั่งระแวงว่าวันนี้จะต้องเจอกับอะไร ส่วนความเสียหายที่ได้รับ เบื้องต้นยังไม่ได้คุยกับลูกบ้านแต่นิติหมู่บ้านแค่แจ้งให้ลูกบ้านที่ได้รับความเสียหายรวบรวมหลักฐานและใบแจ้งความมาลงชื่อไว้ ส่วนตัวเชื่อว่าหากนายเอกได้รับการประกันตัว นายเอกจะไม่เข็ดหลาบและออกไปกระทำในลักษณะเดิมอีกและหวั่นว่าจะกระทำการรุนแรงมากกว่าเดิม หวังว่าทุกหน่วยงานจะดำเนินการกับเอกสายเต๊าะขั้นเด็ดขาดเสียทีเพื่อความสงบสุขของคนทั้งหมู่บ้าน