โครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต อัปเดตเกณฑ์ล่าสุด ภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการฯ เมื่อวันที่ 10 ก.ค.67 ซึ่งมีการลงมติเห็นชอบเพิ่มรายการสินค้าไม่ร่วมรายการ (Negative List) ได้แก่ สินค้าประเภทเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์สื่อสาร โดยจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการฯ ชุดใหญ่อนุมัติในวันที่ 15 ก.ค.67 นี้
สินค้า 16 รายการ ที่ไม่สามารถร่วมดิจิทัลวอลเล็ตได้
1.สลากกินแบ่งรัฐบาล
2.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
3.ยาสูบ
4.กัญชา
5.กระท่อม
6.พืชกระท่อม
7.ผลิตภัณฑ์กัญชา และกระท่อม
8.บัตรกำนัล
9.บัตรเงินสด
10.ทองคำ
11.เพชร
12.พลอย
13.อัญมณี
14.น้ำมันเชื้อเพลิง
15.ก๊าซธรรมชาติ
16.บริการต่างๆ ไม่สามารถเข้าร่วมได้
โดยสินค้าที่สามารถใช้เงินดิจิทัล 10,000 ซื้อได้นั้น คืออาหาร เครื่องดื่ม สินค้าอุปโภค บริโภค
สำหรับคุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ เงินดิจิทัล 10,000 บาท ดังนี้
1.เกณฑ์อายุ
ต้องเป็นสัญชาติไทย
อายุ 16 ปีบริบูรณ์ ภายในวันที่ 30 กันยายน 2567
หรือต้องเกิดก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2551
2.เกณฑ์เงินฝาก
มีเงินฝากไม่เกิน 500,000 บาท
นับรวมเงินฝากสกุลเงินบาททุกบัญชี
นับรวมเงินฝากธนาคารพาณิชย์ และธนาคารของรัฐ เช่น บัญชีเงินฝากออมทรัพย์, บัญชีเงินฝากประจำ เป็นต้น
ไม่นับรวมสลากออมทรัพย์ สลากออมสิน
เงินฝากจะถูกนับถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567
3.เกณฑ์รายได้
รายได้ไม่เกิน 840,000 บาทต่อปีภาษี หรือไม่เกิน 70,000 บาทต่อเดือน
เก็บข้อมูลจากกรมสรรพากร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566
เท่ากับว่าต้องเป็นบุคคลที่ยื่นภาษีในปีล่าสุด
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่ารัฐบาลจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนพร้อมกันภายในไตรมาส 3 นี้ ซึ่งคลังได้แนะนำให้ประชาชนที่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท สามารถเข้ามาทยอยยืนยันตัวตนด้วยระบบ KYC ได้ล่วงหน้า ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” เพื่อเป็นการทยอยนำข้อมูลการยืนยันตัวตนเข้าสู่ระบบ ซึ่งขณะนี้มีคนที่เข้ามายืนยันตัวตนผ่านแอป ฯ แล้วหลายล้านคน โดยสามารถทำได้ 6 ช่องทาง ทำด้วยตัวเองง่ายๆ
ช่องทางยืนยันตัวตนแอปฯ ทางรัฐ 6 ช่องทาง ดังนี้
1.ยืนยันตัวตนผ่านแอปฯ ทางรัฐ
2.ยืนยันตัวตนผ่านแอปฯ Thai ID
3.ตู้บริการอเนกประสงค์ภาครัฐ
4.ตู้บุญเติม
5.เคาน์เตอร์ไปรษณีย์ไทย
6.เคาน์เตอร์เซอร์วิส 7-Eleven