ด่วน! “ศาล รธน.” มีมติเอกฉันท์ มีคำสั่งไม่รับคำร้อง ผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีขอให้วินิจฉัยการอ้างข้อบังคับไม่ให้ เสนอชื่อ “พิธา” ซ้ำ วันที่ 16 ส.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ประชุมเพื่อพิจารณากรณี ผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 กรณีรัฐสภามีมติตีความว่าการเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบในรอบที่ 2 เป็นญัตติทั่วไป ต้องห้ามนำเสนอญัตติซ้ำอีกตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ.2563 ข้อ 41 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เป็นการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของผู้ร้องเรียนตาม รธน. มาตรา 3 วรรคสอง, มาตรา 5 วรรคหนึ่ง, มาตรา 25 วรรคสาม และมาตรา 27 หรือไม่ พร้อมกับมีคำขอให้ชะลอการโหวตนายกฯ ออกไปจนกว่าจะมีคำวินิจฉัย
โดยพิจารณาต่อเนื่องมาจากการประชุมเมื่อวันที่3 สิงหาคมซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่า คำร้องนี้มีประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และมีประเด็นเชิงหลักการการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่จะต้องพิจารณาเพิ่มเติม จึงให้เลื่อนการพิจารณามาเป็นวันที่16 สิงหาคมเนื่องจากคำร้องดังกล่าว ต้องให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ศึกษาข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญต่อไป และให้ผู้ร้องระบุสถานะบุคคลของคณะผู้ร้องเรียนที่3 (นางปัญญารัตน์ นันทภูษิตานนท์ และคณะ) ทุกรายว่า เป็นประชาชนหรือสมาชิกรัฐสภา โดยให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันอังคารที่15 สิงหาคม ที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา213 ประกอบพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธรพิจารณษของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา46 เป็นบทบัญญัติที่มีเจตนารมณ์ให้ศาลรัฐธรรมนูญคุ้มครองสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลจากการกระทำละเมิดโดยใช้อำนาจรัฐ แต่บุคคลที่จะมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ต้องเป็นบุคคลซึ่งถูกละเมิดสำหรับกระบวนการได้มาซึ่งนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา272 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา159 วรรคหนึ่ง ให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบเฉพาะบุคคลที่พรรคการเมืองเสนอ และเป็นผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา88 เท่านั้น
ดังนั้น ผู้มีสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาให้ความจากรัฐสภาต้องเป็นผู้ที่พรรคการเมืองเสนอตามมาตรา159 วรรคหนึ่ง อันเป็นสิทธิเฉพาะบุคคลที่รัฐธรรมนูญ2560เมื่อผู้ร้องเรียนทุกคนไม่ใช่บุคคลที่ทางพรรคการเมืองแจ้งรายชื่อว้ว่าจะเสนอรัฐสภาเพิ่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกฯทั้งไม่ได้เป็บุคคลที่พรรคเสนอชื่อต่อรัฐสภาผู้ร้องเรียนทุกคนจึงไม่ใช่บุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพโดยตรงไม่อาจใช้สิทธิยื่นคำร้องได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา213 กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา46 วรรคหนึ่ง ประกอบมีช่องทางใการยื่นคำร้องที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญเป็นการเฉพาะแล้วดังนั้นผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญมาตรา213 ได้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นมติเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยเมื่อมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาแล้วคำขออื่นย่อมเป็นอันตกไป


อ่านเพิ่มเติม