วันนี้ 13 พ.ย. 67 บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล กล่าวถึงคลิป เข้าเยี่ยมบอสพอลที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
โดยให้สัมภาษณ์สื่อก่อนเข้าไปในเรือนจำ ยืนยันว่าเนื้อหาคลิปเสียงที่ออกในรายการไม่ได้มีการต่อต่อ เพียงแค่ ตัดคลิปให้สั้นลงจากทั้งหมด 29นาที ซึ่งเนื้อหาที่เผยแพร่ยังคงเดิม ในคลิปเกิดขึ้นช่วงวันที่ 9-10 ตุลาคม ในคลิปเสียงช่วงของ นายฟิล์ม รัฐภูมิ ไม่ได้พูดลักษณะข่มขู่เอาชีวิตหรือทำให้เสียชื่อเสียง แต่เป็นการเรียกรับผลประโยชน์ โดยแอบอ้างชื่อหนุ่ม กรรชัย พิธีกรรายการโหนกระแส ในระหว่างนั้นนางสาวกฤษอนงค์ เป็นคนประสาน ฟิล์มให้ พูดคุยกับบอสปันอ้างว่าสามารถพาไปออกรายการโหนกระแสได้ ซึ่งในรายการ ขณะโจมตีก่อนช่วงแรกก่อนจะมีการโจมตีก่อนช่วงแรกและท้ายที่สุดจะให้ ผู้บริหารดิไอคอนกรุ๊ปเป็นคนดีหลังจากนี้ให้ไปดำเนินการแก้ไขเยียวยาผู้เสียหายและจบแบบแฮปปี้แอนดิ้ง โดยฟิล์มอ้างว่า รายการโหนกระแสกำหนดทิศทางของสังคมได้ และมักเห็นว่า กระบวนการยุติธรรมมักล้อไปกับกระแสสังคม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้จ่ายเงิน 20 ล้านตามที่เรียกไป เพราะไม่มีเงินสด อีกทั้งไม่ได้มีการตกลงว่าจ้างให้ ฟิล์ม รัฐภูมิ มาทำพีอาร์ให้บริษัท
ทนายวิฑูรย์ บอกว่า การคุยกันเรื่องไปออกรายการโหนกระแสไม่ได้มีเจตนาไปฟอกขาว เพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ สามารถ ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมได้อยู่แล้ว แต่คิดว่าบอสปันน่าจะเครียดกลัวตกเป็นจำเลยของกระแสสังคม จุดนี้ถือเป็นช่วงโหว่ในนักตบทรัพย์เข้ามาหากิน ส่วนตัวจึงอยากเรียกร้องให้กระบวนการยุติธรรมเป็นหลักนำของประเทศไม่ใช่ ให้สื่อสารมวลชนหรือกระแสสังคมเป็นหลักชี้นำกระบวนการแบบที่เป็นอยู่นี้
ส่วนเรื่องคลิปเสียง ยืนยันยันว่าฝั่งตัวเองไม่ได้เป็นคนปล่อย นำไปในหนุ่ม กรรชัย เพราะไม่มีประโยชน์ต่อรูปคดี และไม่ต้องการดิสเครดิตใคร คาดว่าอาจหลุดจากคนในบริษัท จากนี้ต้องเรียกพนักงานมาสอบถามก่อน เรื่องการตบทรัพย์ ซึ่งก่อนหน้านี้ พนักงานบริษัท ก็เคยให้ข้อมูลว่ากลุ่มนี้เคยเรียกรับเงินหลายครั้งแต่ไม่รู้ตัวเลขที่ชัดเจน
สุดท้ายจะดำเนินคดีเรื่องคลิปเสียงนี้หรือไม่ นายวิฑูรย์ บอกว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับบอสปัน คาดว่า อาจต้องดำเนินคดี มองว่า แม้ความผิดไม่สำเร็จแต่ก็ปรากฏขึ้นแล้ว และยังไม่ขอเปิดเผยว่าจะดำเนินคดีใครอีก ยอมรับว่า มีคนที่จ่อดำเนินคดี คนนี้เช็คข้อมูลแล้วพบว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นตัวแทนบริษัท
ส่วนที่นางสาวกฤษอนงค์โพสต์ ว่าไม่ให้ราคาโจร ทนายวิฑูรย์เชื่อว่าหมายถึงพวกตัวเอง ตัวเองซึ่งก็ไม่ได้รู้สึกอะไรจากนี้ก็จะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
คือการได้รับอนุญาตกับการส่วนเรื่องข้อหาที่ถูกดำเนินคดีทราบว่าตอนนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษได้แจ้งความเอาผิดสามข้อหา คือ เรื่องแชร์ลูกโซ่และตามพระราชบัญญัติขายตรงอีก2ข้อหา การชักชวนให้บุคคลอื่นเป็นเครือข่ายและประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเตรียมเอกสารในการต่อสู้ทุกประเด็นไว้แล้ว