นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการโอนเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ซึ่งกระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางได้โอนเงินให้กลุ่มเป้าหมายตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2567 เป็นต้นมานั้น
โดยระหว่างวันที่ 25 – 27 กันยายน 2567 พบว่า โอนเงินสำเร็จรวมทั้งสิ้น 11.89 ล้านคน และยังโอนเงินไม่สำเร็จรวม 319,818 คน รายละเอียด ดังนี้
1. คนพิการ สั่งจ่าย 2.04 ล้านราย โอนไม่สำเร็จ 8,829 ราย
2. ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
เลขประจำตัวประชาชนลงท้ายด้วยเลข 0 สั่งจ่าย 1.13 ล้านราย โอนไม่สำเร็จ 40,554 ราย
เลขประจำตัวประชาชนลงท้ายด้วยเลข 1 – 3 สั่งจ่าย 4.51 ล้านราย โอนไม่สำเร็จ 141,062 ราย
เลขประจำตัวประชาชนลงท้ายด้วยเลข 4 – 7 สั่งจ่าย 4.51 ล้านราย โอนไม่สำเร็จ 129,373 ราย
“เงิน 10,000 บาท” ถึงมือ 12 ล้านคนแล้ว ใครยังไม่ได้ เช็ควิธีแก้ไข
“การโอนเงินเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567 ให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขประจำตัวประชาชนลงท้ายด้วยเลข 4 – 7 จำนวน 4.51 ล้านราย พบว่า มีการโอนเงินไม่สำเร็จจำนวน 129,373 ราย ทำให้มียอดสะสมของการโอนเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายสำเร็จแล้วรวมทั้งสิ้น 11.86 ล้านราย และการโอนเงินไม่สำเร็จจำนวน 319,8180 ราย”
ทั้งนี้ ในภาพรวมมีสาเหตุการโอนเงินไม่สำเร็จของกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม ดังนี้
1. คนพิการ เช่น บัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด เลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง เป็นต้น
2. ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เช่น ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน บัญชีไม่มีการเคลื่อนไหว บัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด เลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง เป็นต้น
ทั้งนี้ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีสิทธิดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน หรือติดต่อธนาคาร เพื่อแก้ไขบัญชีเงินฝากธนาคารที่มีปัญหาข้างต้น ภายในวันที่ 18 ตุลาคม 2567 เพื่อให้ได้รับการจ่ายเงินซ้ำได้ทันภายในวันที่ 22 ตุลาคม 2567
สำหรับคนพิการจำนวนประมาณ 9 หมื่นราย ที่บัตรประจำตัวคนพิการหมดอายุ หรือข้อมูลบัตรประจำตัวคนพิการไม่สมบูรณ์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการโอนเงินเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567
ขอแนะนำให้ดำเนินการต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการ ทำบัตรประจำตัวคนพิการ หรือแก้ไขข้อมูลประจำตัวคนพิการที่ศูนย์บริการคนพิการทั่วประเทศให้ถูกต้อง ภายในวันที่ 10 ตุลาคม 2567 เพื่อให้ได้รับการจ่ายเงินซ้ำได้ทันภายในวันที่ 22 ตุลาคม 2567
“จากการดำเนินโครงการดังกล่าว มีเม็ดเงินจากโครงการฯ หมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจแล้วจำนวน 118,642 ล้านบาท ขอให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับเงินส่วนนี้แล้ว วางแผนการใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าและให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตนเองและครอบครัว”