ตาฝังทองคำ 5 บาทใต้ต้นลำไย กลับมาขุดดูอีกที ถึงกับน้ำตาตกใน

โดยคุณตาประเวศ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเองอาศัยอยู่บ้านหลังนี้เพียงลำพังสองคนตายายกับนางสมบูรณ์ ภูดอนตอง อายุ 69 ปี ภรรยา ส่วนลูกแยกไปอยู่ต่างหาก ก็ใช้ชีวิตทำมาหากินเป็นเกษตรกรและรับจ้างทั่วไปตามวิถีชีวิตแบบชาวบ้านทั่วไปก็มีเงินเก็บสะสมไว้ใช้ในบั้นปลายของชีวิต

รวมถึงมีทรัพย์สมบัติสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก เส้นละ 2 บาท จำนวน 2 เส้น และสร้อยข้อมือทองคำน้ำหนัก 1 บาท อีก 1 เส้น จะใส่เวลามีงานบุญหรือเวลางานต่างๆ ในหมู่บ้านเท่านั้น หลังจากกลับมาตนก็จะนำไปฝังดินไว้เป็นประจำโดยเปลี่ยนจุดไปเรื่อยๆ แต่อยู่ใกล้ๆตัวบ้าน โดยมียายเห็นแทบทุกครั้งที่นำไปฝังไว้ ทำแบบนี้มานานหลายปี

ส่วนเหตุผลที่ฝังดินเพราะคิดว่าจะปลอดภัยกว่าเอาไว้ในบ้านหรือในห้องนอน เพราะคิดว่าหากเราสองตายายไม่อยู่บ้าน เกรงว่าโจรจะมางัดบ้านขโมยไปจึงคิดว่าฝังไว้ในดินจะปลอดภัยที่สุด เพราะหากนำติดตัวไปก็อาจทำหายหรือเกิดความไม่ปลอดภัยแก่ตนเองได้

แต่การเอาทองไปฝังดินไว้ครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่าน ช่วงเวลาประมาณ 07.00 น.ก่อนที่ตนเองจะไปหาเห็ดเผาะ ก่อนออกบ้านได้นำสร้อยคอทองคำและสร้อยข้อมือ น้ำหนักรวม 5 บาทไปฝังไว้เหมือนปกติที่เคยทำ โดยฝังไว้บริเวณใต้ลำไยห่างตัวบ้านประมาณ 4 เมตร โดยใช้เสียมขุดดินลึกประมาณ 1 คืบ แล้วนำสร้อยคอและสร้อยข้อมือฝังลงดินแล้วกลบดินทับแล้วใช้เสื่อน้ำมันปิดทับอีกที แล้วนำสุ่มไก่มาครอบไว้อีกชั้น โดยมีไก่ จำนวน 2 ตัว อยู่ในสุ่มไก่อีกที แล้วออกไปหาเห็ดเผาะ แล้วก็ปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้สนใจ

กระทั่งอีกวันต่อมา จึงไปขุดเพื่อนำไปล้างทำความสะอาดเพื่อนำไปใส่ แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ตนจึงเดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจภูธรป่าซาง จังหวัดลำพูน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามหาตัวคนร้ายที่มาขโมยขุดสร้อยคอไปมาดำเนินคดีและนำสร้อยคอทองคำมาคืน หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าซางได้เดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เพื่อสืบหาคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้ต่อไป