ด่วน ปิดตำนาน โรงงานรถยนต์ยี่ห้อดัง ประกาศเลิกจ้างพนักงานทั้งหมด ยุติการผลิตในไทย

โดยล่าสุดเมื่อวานนี้ (28 พฤษภาคม 2024) โรงงาน TCSAT มีการประกาศเลิกจ้างพนักงานทั้งหมด และ จะยุติการประกอบรถยนต์ภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2024 นี้ ส่วนโรงงานนั้น ยังไม่มีการยืนยันอย่างแน่ชัด ว่าจะขายให้ค่ายรถยนต์อื่นหรือไม่

โรงงาน TCSAT ในประเทศไทย ถือเป็นโรงงานแห่งที่ 3 นอกประเทศญี่ปุ่น โดยแห่งแรกอยู่ที่ Indiana, USA และ แห่งที่สอง อยู่ที่ Segambut, Malaysia ซึ่งโรงงานที่มาเลเซียนั้น ก็ได้ยกเลิกการประกอบรถยนต์ Subaru ไปแล้วก่อนหน้านี้ ประกอบรถยนต์แบรนด์อื่นแทน

อย่างไรก็ตาม Subaru ยังไม่หนีไหน ! ไม่ได้ยกเลิกทำตลาดในประเทศไทย แต่มีการหยุดการผลิตรถยนต์ในไทย และ จะใช้วิธีนำเข้ารถยนต์จากโรงงานญี่ปุ่นแทน

สำหรับยอดขาย Suburu ในไทย ย้อนหลัง 13 ปี (2011-2024)

– ปี 2011 รวม 136 คัน

– ปี 2012 รวม 118 คัน

– ปี 2013 รวม 2,619 คัน

– ปี 2014 รวม 1,966 คัน

– ปี 2015 รวม 2,641 คัน

– ปี 2016 รวม 3,232 คัน

– ปี 2017 รวม 2,123 คัน

– ปี 2018 รวม 2,260 คัน

– ปี 2019 รวม 3,952 คัน

– ปี 2020 รวม 1,715 คัน

– ปี 2021 รวม 2,953 คัน

– ปี 2022 รวม 2,282 คัน

– ปี 2023 รวม 1,682 คัน

– ปี 2024 รวม 344 คัน (มกราคม – เมษายน)

ยอดขาย Subaru ในประเทศไทย ปี 2011 – 2024 สะสมรวม 28,023 คัน 23 เมษายน 2019 กลุ่ม Tan Chong International (TCIL) หรือ ตันจง กรุ๊ป ที่ได้สิทธิ์ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ รถยนต์แบรนด์ Subaru ใน South East Asia เปิดโรงงานประกอบรถยนต์ “ บริษัท ตันจง ซูบารุ ออโตโมทีฟ ประเทศไทย จำกัด ” หรือ TCSAT

โรงงาน TCSAT ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง มีพื้นที่รวม 100,000 ตารางเมตร ลงทุนราว 5,000 ล้านบาท โดยมีการถือหุ้นจาก ตันจง กรุ๊ป (TCIL) สัดส่วน 74.9% และ บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น Subaru Corporation สัดส่วน 25.1% มีจำนวนพนักงานราว 400 คน เป็นพนักงานคนไทย รวมคนญี่ปุ่น และ สิงคโปร์

โรงงาน TCSAT ตั้งเป้าการผลิต 6,000 คัน ต่อปี และ มีกำลังการผลิตสูงสุด ถึง 100,000 คัน ต่อปี แต่จากยอดขายของ Subaru ในไทย พบว่า ยอดขายรวมทุกรุ่นทำได้สูงสุด 3,952 คัน ในปี 2019 ซึ่งเป็นปีที่เปิดโรงงานในประเทศไทย แต่ยอดขายมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา จนคาดว่าปี 2024 นี้ จะมียอดขายรวมไม่ถึง 1,000 คัน จากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นของค่ายรถยนต์จากประเทศจีน และ การปรับตัวของค่ายญี่ปุ่นยักษ์ใหญ่ ที่เพิ่ม Option และ ตั้งราคาสมเหตุสมผลมากขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว และ จากสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำมากตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 ที่ผ่านมา รวมไปถึง Subaru เอง ก็ไม่มีสินค้ารุ่นใหม่ๆแนะนำสู่ตลาดด้วยเช่นกัน